ประชุม ครม. นัดสุดท้าย ทิ้งทวนมโหฬาร "1.7 แสนล้าน"
การ "ประชุม ครม." นัดสุดท้ายภายใต้รัฐบาลประยุทธ์ ไฟเขียวกระจายงบให้ทุกโครงการ มูลค่ามหาศาลกว่า 1.7 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นเงินจากภาษีประชาชน จึงอยากเห็นเงินถูกใช้ไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์ต่อประชาชน
เร็วๆ นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คงจะประกาศยุบสภา นั่นทำให้การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดสุดท้าย วานนี้ (14 มี.ค.) มีวาระเข้าสู่การพิจารณา และพิจารณาไปเป็นจำนวนมากรวมมากกว่า 100 วาระ และใช้เวลาในการประชุมประมาณ 7 ชั่วโมง ที่สำคัญ มีการอนุมัติโครงการที่ต้องใช้เงินงบประมาณ การลดภาษี รวมทั้งสินเชื่อ และการชดเชยงบประมาณให้กับสถาบันการเงิน รวมเป็นเงินมากมายมหาศาลกว่า 173,850.91 ล้านบาท
โครงการใหญ่ๆ ที่ถูกจัดเป็นโครงการทิ้งทวน เช่น ไฟเขียวให้บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นทีเดินหน้า 4จี 5จี บนคลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) มีกรอบวงเงินตามโครงการทั้งสิ้น 61,628 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ 14 ปี คาดว่าจะเริ่มเปิดบริการได้ภายในปี 66 เป็นต้นไป
โครงการอนุมัติให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ดำเนินโครงการทางพิเศษฉลองรัชส่วนต่อขยาย (ช่วงจตุโชติ-ถนนลำลูกกา) ระยะทาง 16.21 กม. เพื่อรองรับการเดินทางและการขนส่งสินค้าระหว่างพื้นที่ กทม. และจังหวัดใกล้เคียง บรรเทาปัญหาจราจรติดขัดบนถนนรังสิต-นครนายก โครงข่ายถนนโดยรอบ รองรับการขยายตัวของแหล่งชุมชน ที่อยู่อาศัย สถานศึกษา และนันทนาการของภาครัฐ ทั้งที่เปิดบริการแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนา มูลค่าการลงทุน 24,060.04 ล้านบาท
อนุมัติเพิ่มเงินค่าตอบแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ รวมทั้งผู้บริหารและสมาชิก อบต. รวมกว่า 18,570.34 ล้านบาท
อีกทั้ง ครม. ยังเห็นชอบปรับเพิ่มอัตราเงินตอบแทนตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ รวมทั้งเพิ่มเงินค่าตอบแทนนายกองค์การบริหารส่วนตำบล รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบล และเลขานุการสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ฯลฯ
นี่เป็นเพียงแค่บางส่วนของโครงการที่ ครม.นัดสุดท้ายไฟเขียว ทุกโครงการเป็นการใช้เงินจากภาษีประชาชน เราอยากเห็นจำนวนเงินที่มูลค่ามหาศาลกว่า 1.7 แสนล้านบาทถูกใช้ไปอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล เกิดประโยชน์ต่อ “ประชาชน” ซึ่งเป็นเจ้าของเงินตัวจริง คิดถึงประชาชน และประเทศให้มากกว่าคิดถึงประโยชน์ต่อพวกพ้อง อย่าให้การใช้งบประมาณจำนวนนี้ กลายเป็นการ “ผลาญงบ” โดยไม่จำเป็น