ทางลัดการเมือง “นอท กองสลากพลัส” "พรรคเปลี่ยน”ขุมทุน กลุ่ม 16
“นอท พรรคเปลี่ยน” หวังเข้าสู่อำนาจทางการเมือง ทางลัด คือ หา “ขุมพลัง”นักเลือกตั้ง ขณะที่ "ส.ส.พรรคปัดเศษ" ที่ต้องหา แหล่งทุน เพื่อไปต่อทางการเมือง มาเจอกัน จึง วิน-วิน แต่ต้องจับตาจะไปรอด หรือ ร่วง
คณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติรับรอง “พรรคเปลี่ยน” ของ “นอท กองสลากพลัส” หรือ ”พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์” เป็นพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการ เมื่อ 14 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา
พลันที่ “พรรคเปลี่ยน” มีสถานะเป็นพรรค “พิเชษฐ สถิรชวาล” อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ก็ประกาศลาออกจาก “พลังประชารัฐ” เพื่อย้ายเข้าสังกัดพรรคเปลี่ยนทันที และเตรียมนั่งแท่น “หัวหน้าทีมยุทธศาสตร์ของพรรค” และฝ่ายอำนวยการเลือกตั้งของพรรค
และวันที่ 23 มีนาคม นี้ พรรคเปลี่ยนจะจัดประชุมใหญ่สามัญ ที่ อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี พื้นที่ของ “พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค” อดีตหัวหน้าพรรคไทรักธรรม ที่ถูก “ศาลรัฐธรรมนูญ” ตัดสิทธิทางการเมือง
ทำให้เห็นภาพได้ว่า พรรคนี้ไม่ได้เริ่มจากศูนย์ “พิเชษฐ” ยืนยันว่าจะมี ส.ส. -อดีต ส.ส. 4-5 คน เช่น ดำรงค์ พิเดช ส.ส.พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย เข้าร่วมทัพ และมีอดีตรัฐมนตรี 2-3 คน เตรียมเปิดตัวร่วมงาน
ขณะเดียวกันฐานเสียงของพรรคที่จะใช้สู้เลือกตั้ง เป็น “ฐานของพรรคไทรักธรรม” ของ ส.ส.เอ๋-พีระวิทย์ บวกกับพลังของคนรุ่นใหม่ และความนิยมในตัวของ “นอท กองสลากพลัส” ต่อยอด-เดินเกมหาเสียง โดย พิเชษฐ มั่นใจว่า พรรคเปลี่ยน จะได้รับเลือกตั้ง และได้ส.ส.เข้าสภาแน่นอน
เท่ากับว่า ขุมกำลังการเมือง คือการร่วมมือระหว่าง “พิเชษฐ-ดำรงค์-พีระวิทย์” ที่เคยมีชื่อเป็นแกนนำกลุ่ม 16 ที่รวมเสียงพรรคปัดเศษเพื่อต่อรองประโยชน์จาก “พรรคใหญ่ในรัฐบาล"
ทว่า การขับเคลื่อนการเมืองภายใต้แบรนด์ “นอท กองสลากพลัส” ถูกมองว่า มีภาพแง่ลบ เพราะ “นอท” หัวหน้าพรรคเปลี่ยน ในฐานะผู้บริหารบริษัท ลอตเตอร์รี่ ออนไลน์ จำกัด ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ตรวจสอบ “เส้นทางการเงิน”
เนื่องจากต้องสงสัยว่า การทำธุรกิจเชื่อมโยงกับกระบวนการฟอกเงิน 2 สำนวน คือ คดี 288/2565 พบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับธุรกิจผิดกฎหมาย 53 ล้านบาท และคดี 6/2566 พบเส้นทางการเงิน 39 เส้นทาง มูลค่า 1,090 ล้านบาท เชื่อมโยงกับธุรกิจผิดกฎหมาย
แม้ว่า “นอท” จะยังไม่ถูกฟ้องคดี แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ภาพสีเทา” ที่เกิดขึ้น อาจทำให้การก่อร่างสร้าง “พรรคเปลี่ยน” สะดุด
ตาม “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง” กำหนดข้อห้ามอย่างเด็ดขาด ต่อการรับเงินสนับสนุน เงินอุดหนุน ทรัพย์สิน ประโยชน์อื่นใด รวมถึงรับบริจาคเงิน จากผู้ไม่มีสัญชาติไทย นิติบุคคลต่างชาติ ประกอบกิจการนอกราชอาณาจักร นิติบุคคลที่ไม่มีผู้มีสัญชาติไทยถือหุ้น หรือมีทุนเกิน 49% คณะบุคคล หรือนิติบุคคลที่ได้ทุนหรือเงินอุดหนุนจากต่างประเทศ เพื่อทำกิจการอันเป็นประโยชน์ของผู้ไม่มีสัญชาติไทย และกำหนดบทลงโทษรุนแรง ถึงขั้น “ยุบพรรค”ได้
ดังนั้น เมื่อ “พรรคเปลี่ยน” เป็นของ “นอท กองสลากพลัส” จึงถูกเพ่งเล็งว่า จะไปถึงฝั่งฝันหรือไม่
แม้ “พิเชษฐ” จะยืนยันว่า คดีของ “นอท กองสลากพลัส” จะเคลียร์ตัวเอง ทั้งในประเด็นการค้าสลากเกินราคา และพร้อมรับการตรวจสอบในคดีที่ดีเอสไอทำสำนวน เมื่อศาลยังไม่ตัดสิน เท่ากับว่า “นอท คือผู้บริสุทธิ์”
ทว่า การเมืองยุคปัจจุบัน หากประกาศตัวเป็นคู่แข่งใคร ย่อมหนีไม่พ้นที่จะถูกขุดคุ้ย และดิสเครดิต
ล่าสุด “สมชาย แสวงการ” ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผยถึงผลเรื่องตรวจสอบ “ขายหวยราคาแพง-พนันออนไลน์-เส้นทางการฟอกเงิน” ระบุว่า ประเด็นของ นอท กองสลากพลัส ที่เปิดแพลตฟอร์มค้าสลากออนไลน์ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แม้แพลตฟอร์มจะถูกปิดไปแล้ว แต่นอทยังถูกตรวจสอบจากดีเอสไอในคดีฟอกเงิน
“การตั้งพรรคของนอท กองสลากพลัส เป็นสิ่งที่ทำได้ แต่การเคลื่อนไหวในฐานะพรรคการเมือง ควรได้รับการตรวจสอบ หากมีข้อสงสัยว่าเข้าข่ายทำผิดกฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายเลือกตั้ง หรือการกระทำผิด การกระทำที่เข้าข่ายฟอกเงิน แม้ได้รับเลือกตั้ง เมื่อศาลตัดสิน ต้องพ้นจากตำแหน่ง ขณะที่เส้นทางการเงินในการทำพรรค หาก กกต.สงสัย สามารถประสานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเพื่อตรวจสอบได้” ส.ว.สมชาย ระบุ
สโลแกนของพรรคเปลี่ยน คือ “เปลี่ยนปัญหา เป็นโอกาส” แม้จะเป็นพรรคการเมืองน้องใหม่ ที่ลุกขึ้นมาชูนโยบายแก้ปัญหาให้ประชาชน แต่ในศึกเลือกตั้งที่พรรคใหญ่ยังคงความได้เปรียบ ทั้งกระแส และกระสุน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การไหลมารวมตัวกันของ ส.ส.พรรคปัดเศษ ในพรรคนี้ พวกเขาก็ต้องหา “แหล่งทุน”ในการไปต่อบนเส้นทางการเมือง เมื่อกติกาเลือกตั้งเปลี่ยนใหม่ชนิดแทบปิดทางพรรคเล็ก และพรรคใหญ่ก็ไม่มีที่ยืนให้พวกเขา
ขณะที่ “นอท กองสลากพลัส” ที่หวังจะตั้งพรรคเป็นของตัวเอง ก็ต้องการ “ขุมพลัง”นักเลือกตั้ง เพื่อเป็นทางลัดเข้าสู่อำนาจการเมือง ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงวิน-วิน
ต้องลุ้นกันว่า "พรรคเปลี่ยน” ที่กระสุนพร้อม จะฝ่ากระแส ได้ ส.ส.เข้าสภาฯหรือไม่ หรือจะถูกเตะตัดขาก่อนที่ศึกเลือกตั้งจะเปิดฉากอย่างเป็นทางการ.