กกต.แจงปมร้อนยุติ 61 คำร้องยุบพรรค ยันยึดตามกฎหมาย ปัดคิดเอง
กกต.แจงปมร้อน สั่งยุติ 16 คำร้องยุบพรรคการเมือง ยันยึดตามกฎหมาย โต้ใช้อำนาจนายทะเบียนคิดเอง ชี้พบกระทำจริงตามร้อง แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่เหตุยุบพรรค เตือน “นักร้อง” ระวังยื่นเท็จ รับโทษหนัก
เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2566 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์กรณีมีความเห็นว่าคำร้องยุบพรรค 61 คำร้องไม่มีมูล จึงสั่งยุติเรื่อง ว่า การพิจารณาการยุบพรรคของนายทะเบียนพรรคการเมืองไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร เพราะกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ต้องทำตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น ถือเป็นเรื่องของกฎหมายพูด เป็นความยุติธรรมตามกฎหมาย ไม่ใช่นายทะเบียนคิดเอาเอง
นายแสวง กล่าวว่า โดยหลักเมื่อความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง จะให้สำนักงานดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบ กกต.ว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง 2564 ที่กำหนดให้ต้องให้โอกาสผู้เกี่ยวข้องได้มีโอกาสชี้แจงเพื่อให้ความยุติธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย จากนั้นจึงมาพิจารณาว่าการการกระทำนั้นกฎหมายกำหนดเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคการเมืองหรือไม่ หลายคำร้องมีการกระทำตามที่ร้องเกิดขึ้นจริงแต่การกระทำนั้นไม่ใช่เหตุแห่งการยุบพรรคการเมืองก็จะไม่รับไว้พิจารณา หรือสั่งยุติเรื่อง
“แต่ถ้าพิจารณาแล้วการกระทำตามคำร้องนั้นอาจเป็นเหตุให้ยุบพรรคได้ ก็จะรับไว้พิจารณาว่าการกระทำนั้นครบองค์ประกอบความผิดตามกฎหมายกำหนดไว้หรือไม่ หรือถึงขนาดให้ต้องยุบพรรคหรือไม่ ซึ่งก็แล้วแต่กรณี แต่ที่ผ่านมาพบว่าเป็นคำร้องที่ไม่เป็นเหตุแห่งการยุบพรรคเป็นส่วนมาก” นายแสวง กล่าว
เลขาธิการ กกต. กล่าวอีกว่า หลังผู้ร้องยื่นคำร้องต่อ กกต.แล้ว ผู้ร้องมีสิทธิสอบถาม ติดตามเรื่องเพื่อขอทราบความคืบหน้าผลการดำเนินการได้ตลอดเวลาโดยทำเป็นหนังสือถึงสำนักงาน กกต. และเมื่อสำนักงานดำเนินการเสร็จสิ้นคือไม่รับเรื่องไว้พิจารณา ยุติเรื่อง หรือส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมือง แล้วแต่กรณี ก็จะมีการแจ้งผลให้แก่ผู้ร้องทราบ
“แต่อยากฝากว่าการเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบพรรคการเมืองเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ก็ต้องคำนึงถึง มาตรา 101 ที่กำหนดให้ความคุ้มครองพรรคการเมืองด้วยเหมือนกันคือ ผู้ใดแจ้ง หรือกล่าวหาพรรคการเมือง หรือบุคคลใดกระทำความผิด ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองต่อ กกต. หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น แต่ถ้าการกระทำนั้นเป็นของ พรรคการเมือง ต้องได้รับโทษเป็น 2 เท่า และให้ กกต ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น” นายแสวง กล่าว
เมื่อถามว่า หลายคำร้องที่ยุติเรื่องเป็นกรณีกล่าวหาว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ควบคุม ชี้นำ ครอบงำ พรรคเพื่อไทย จะมีผลต่อคำร้องทำนองเดียวกันที่มีการร้องในปัจจุบัน และอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กกต.หรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะแต่ละคำร้องจะมีข้อเท็จจริงที่แตกต่างกัน ซึ่งก็ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป