"นิพนธ์" โชว์ยุค ปชป.ยกระดับ อบต.- เลือกผู้ว่าฯ กทม. ลั่นลุยต่อภาษี - รายได้
"นิพนธ์" ลั่นกระจายอำนาจดีเอ็นเอ ปชป. โชว์ผลงานยุค ปชป. ยกระดับ อบต.- เลือกผู้ว่าฯ กทม. ลั่นลุยต่อเก็บภาษี - ธนาคารท้องถิ่น
ที่โรงแรม ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ "เครือเนชั่น" ร่วมกับ สมาคมสันนิบาตเทศบาล จัดเวทีสัมมนา ท้องถิ่นมั่งคั่ง ประเทศมั่นคง เปิดแนวคิด "บทบาทท้องถิ่น กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ" ขณะเดียวกันยังการแสดงวิสัยทัศน์จากพรรคการเมือง ในการเพิ่มศักยภาพท้องถิ่น เพื่อความมั่นคงของประเทศ
นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การกระจายอำนาจ ถือเป็นดีเอ็นเอของประชาธิปัตย์วันที่คิดตั้งพรรคประชาธิปัตย์เมื่อ 6 เม.ย.2489 วันนั้นประกาศอุดมการณ์ 10 ข้อโดยเฉพาะข้อ 5 คือ พรรคจะกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะท้องถิ่นอยู่ใกล้ชิดประชาชนมากกว่าส่วนกลาง
เพราะฉะนั้นจากอุดมการณ์ข้อ 5 จึงไม่ต้องแปลกใจว่าไม่ว่ายุคใดที่ประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาลเราเป็นคนเสนอกฎหมายกระจายอำนาจ โดยเฉพาะกฏหมายเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ตั้งแต่ปี 2528
ขณะเดียวกันในยุคที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อ ปี 2537 เราได้ยกร่างกฏหมายในการยกฐานะสภาตำบลให้เป็นองค์การบริหารส่วนตำบลจนถึงทุกวันนี้
จากนั้นในปี 2542 เราได้มีการจัดทำกฎหมายแผนขั้นตอนการกระจายอำนาจซึ่งจนถึงขนาดนี้เรากระจายอำนาจไปแล้วสองแผน แผนแรกคือ การกระจายภารกิจให้ท้องถิ่น 245 ภารกิจแต่มีการถ่ายโอนไปแล้วกว่า 180 ภารกิจ ขณะที่แผนที่สองมีกว่า 100 ภารกิจ กระจายไปแล้ว 77 ภารกิจขณะที่แผนที่สามกำลังจะตามมานี่คือ สิ่งที่ประชาธิปัตย์ทำเรื่องการกระจายอำนาจ
เราคิดว่าการกระจายอำนาจเป็นหนทางที่จะลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองกับชนบทเมื่อปี 2523 ในยุคที่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้มีการจัดทำแผนพัฒนาชนบท เราเห็นความแตกต่างระหว่างเมืองกับชนบท แต่ทันทีที่เราใช้การกระจายอำนาจมาแก้ปัญหาวันนี้เราไม่มีชนบทในประเทศไทย ไม่มีตำบลไหนที่ไม่มีถนนลาดยาง
จึงชัดเจนว่าการกระจายอำนาจมีความสำคัญต่อประเทศ และเป็นการยืนยันว่าวันนี้เรามีการกระจายอำนาจได้แล้ววันนี้เรามีแต่เมืองขนาดเล็กขนาดกลางและขนาดใหญ่
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เราจะขับเคลื่อนเดินเมืองขนาดใหญ่ไปสู่เมืองมหานคร โดยเฉพาะเทศบาลนคร วันนี้หากเทศบาลนครใดมีความพร้อม พรรคมีความพร้อมที่จะยกฐานะให้เป็นเทศบาลมหานคร หรือหากจังหวัดไหนบอกว่ามีความพร้อมพรรคประชาธิปัตย์เรายืนยันที่จะให้เดินหน้าไปสู่จังหวัดจัดการตนเองอย่างแน่นอน
นี่คือ สิ่งที่เรากล้าบอกกับพี่น้องประชาชน นี่คือ แนวทางการกระจายอำนาจ และลดความเหลื่อมล้ำที่เป็นรูปธรรมชัดเจนที่สุด
"มีคำครหาบอกว่ากระจายอำนาจไปมากเท่าไร การทุจริตมากขึ้นไม่จริงข้อนี้ผมในฐานะเคยเป็นนายก อบจ.มาก่อนผมสู้เรื่องนี้มายาวนานมากเวลาใครพูดเรื่องท้องถิ่นโกงผมเอาตัวเลขปีห้าสอง ถึงปีห้าเก้า ที่มีการประกาศว่ามีการทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทย 4แสนกว่าล้าน
ท่านเชื่อหรือไม่ 2แสนกว่าล้าน กลับอยู่ที่ส่วนกลาง 1แสนกว่าล้าน อยู่ที่รัฐวิสาหกิจ ขณะที่ท้องถิ่นเหลือเพียง 164ล้าน เท่านั้น ที่กล่าวหาท้องถิ่นทุจริตจึงเป็นไม่เป็นความจริง"
นายนิพนธ์ ยังกล่าวทิ้งท้าย ว่า 30 กว่าปีที่เราดำเนินการในเรื่องการกระจายอำนาจเราเห็นแล้วว่ามันมีอุปสรรคอย่างไรเราเริ่มถอดบทเรียนกันได้แล้ว
"วันนี้ประชาธิปัตย์คิดว่ามันถึงเวลาที่เราต้องไม่ตัดเสื้อโหลแล้ว แต่เราจะบังคับท้องถิ่นให้ทำเหมือนกันทุกอย่างเป็นไปไม่ได้เพราะปัญหาท้องถิ่น"
สิ่งที่ประชาธิปัตย์จะทำต่อเราจะต้องไปดูในเรื่องการจัดสรรงบประมาณให้ท้องถิ่นภาษีตัวใหม่ต้องกล้าที่จะคิดภาษีสิ่งแวดล้อมถึงเวลาที่ต้องคิดภาษีภัยพิบัติต้องคิดสิ่งเหล่านี้ให้เป็นฐานของท้องถิ่นได้หรือไม่แม้กระทั่ง การให้ท้องถิ่นมีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่กล้าจะแบ่งให้ท้องถิ่น
"สิ่งสำคัญที่ประชาธิปัตย์จะทำคือ มีธนาคารเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นเราประชาธิปัตย์ส่งสัญญาณชัดเจนต่อไปนี้ท้องถิ่นไหนมีโครงการดีๆ แล้วไม่มีงบประมาณจะต้องไม่มีเรื่องนี้เป็นข้อจำกัดในการพัฒนาเมืองเราจะให้มีสถาบันพัฒนาเมืองมาตรวจสอบโครงการเพื่อตรวจสอบการดำเนินโครงการ ถ้าโครงการไหนดี เขามีงบประมาณแน่นอน"
ในช่วงตอบคำถาม นายนิพนธ์ ยังพูดถึงการกระจายอำนาจในรูปแบบการปกครองพิเศษ ย้ำว่า เป็นความมุ่งมั่นของพรรคประชาธิปัตย์หากตรงไหนมีความพร้อม เช่น เมืองพิเศษแม่สอด หรือเกาะสมุย เราพร้อมที่จะให้มีการปกครองพิเศษเหมือนเมืองพัทยา เป็นต้น