วัดกระแส“ผู้นำ”ผ่าน“นิด้าโพล” คนนำพรรค ลุ้น“นายกฯหญิง”
"ผมเคยเตือนเมื่อปีที่แล้วว่า ควรจะรีบยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ก่อนที่คะแนนของ น.ส.แพทองธาร จะพุ่งแซงพล.อ.ประยุทธ์ ไปจนถึงขั้นแลนด์สไลด์ อย่างที่เขามุ่งหวัง แต่ไม่มีใครฟังผมหรอก"
“นิด้าโพล” ของ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้รับความเชื่อถือในทางการเมืองค่อนข้างสูง ทั้งพรรคการเมือง นักเลือกตั้ง นักวิชาการ รวมทั้งสื่อต่างๆ มักหยิบยกผลการสำรวจและข้อมูลต่างๆ ไปอ้างอิงในการวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองอย่างต่อเนื่อง
"สุวิชา เป้าอารีย์" ผู้อำนวยการนิด้าโพล ให้สัมภาษณ์รายการคมชัดลึก เนชั่นทีวี 22 เพื่ออัพเดตถึงแนวทางการสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 พ.ค.66 นี้ โดยเฉพาะกระแสนิยมต่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคต่างๆ ที่เปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งได้รับความสนใจมากว่า
การเก็บผลสำรวจเมื่อช่วงต้นปี 2565 คะแนนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังนำ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แต่ผลการสำรวจกลางปี 2565 คะแนนของ น.ส.แพทองธาร กระโดดขึ้นมาแซง พล.อ.ประยุทธ์ และหลังจากนั้นคะแนนของ น.ส.แพทองธาร พุ่งขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งการสำรวจครั้งล่าสุด คะแนนของ น.ส.แพทองธาร พุ่งมาที่ร้อยละ 38
“คะแนนของ น.ส.แพทองธารที่พุ่งขึ้นมา ทำให้ผมนึกถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งผลสำรวจคะแนนนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในช่วงแรก มีเพียงร้อยละ 20 แต่พล.อ.ประยุทธ์ไม่ยอมจัดการเลือกตั้งสักที จนผลสำรวจของนายชัชชาติ คะแนนพุ่งขึ้นมาที่ร้อยละ 40 ซึ่งมันฉุดไม่ลงแล้ว แต่หากเลือกตั้งในช่วงคะแนนนายชัชชาติยังไม่มาก ผู้สมัครคนอื่นอาจจะมีลุ้น”
ผอ.นิด้าโพล กล่าวต่อว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ตนเคยเตือนเมื่อปีที่แล้วว่า ควรจะรีบยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ก่อนที่คะแนนของ น.ส.แพทองธาร จะพุ่งไปจนถึงขั้นแลนด์สไลด์ อย่างที่เขามุ่งหวัง แต่ไม่มีใครฟังตนหรอก
ผู้ดำเนินการรายการถามว่า ชื่อของนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ยังไม่ปรากฎในโพล นายสุวิชา กล่าวว่า ชื่อของนายเศรษฐามานานแล้ว แต่ผลสำรวจคะแนนยังไม่มา ซึ่งตนมองว่า คะแนนของพรรคเพื่อไทยเทไปที่ น.ส.แพทองธาร หมดแล้ว แฟนคลับพรรคเพื่อไทยเทใจแล้ว โดยไม่ถอนใจคืน
อย่างไรก็ตาม คะแนนของน.ส.แพทองธาร อยู่ที่ร้อยละ 38 ส่วนพรรคเพื่อไทยอยู่ที่ร้อยละ 49 ซึ่งคะแนนมีช่องว่าง ร้อยละ 11 แสดงให้เห็นว่า มีแฟนคลับพรรคเพื่อไทยบางคน ยังไม่อยากให้ น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ แต่ต้องตั้งคำถามว่า ทำไมไม่เทให้นายเศรษฐา หรือาจจะรอชื่อแคนดิเดนายกฯ คนที่สามหรือไม่
“การที่ชื่อพรรคนำชื่อบุคคล มันไม่เสียหาย เนื่องจากคนเลือกพรรค ไม่ได้เลือกนายกฯ เพราะการเลือกคนเป็นนายกฯเป็นหน้าที่ของสภาฯ ซึ่งร้อยละ 11 ที่เป็นช่องว่างอยู่ อาจจะรอการตัดสินใจ” ผอ.นิด้าโพล ระบุ
นายสุวิชา กล่าวต่อว่า สำหรับคะแนนของ พล.อ.ประยุทธ์ ร่วงลงมาเรื่อยๆ ตั้งแต่หลังเดือน ธ.ค.2563 ตอนนั้นอยู่ในระดับร้อยละ 36 และร่วงลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งครั้งล่าสุด มาอยู่ที่ร้อยละ 15 อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ คาดหวังว่าคะแนนของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่สำรวจในช่วงปลายปี 2563 มันจะกลับมา แต่ตนไม่มั่นใจจะกลับมาหรือไม่ เพราะใกล้เลือกตั้งแล้ว
“คะแนนของพล.อ.ประยุทธ์ มีเหนือพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งการที่คะแนนคน มีเหนือพรรค มันจะเป็นปัญหาสำหรับพรรค เพราะคะแนนพรรคมันไม่ขึ้น ดังนั้นพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องดันคะแนนพรรคให้ใกล้เคียง พล.อ.ประยุทธ์ให้ได้ เมื่อพล.อ.ประยุทธ์มีคะแนนร้อยละ 15 พรรครวมไทยสร้างชาติควรมีคะแนนร้อยละ 14 มันจึงมีแคมเปญ “ผมอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ” ของพล.อ.ประยุทธ์ออกมา”
นายสุวิชา กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามคะแนนของพรรครวมไทยสร้างชาติเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ภายหลังที่พล.อ.ประยุทธ์ประกาศตัวชัดเจน ว่าจะมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเราต้องรอดูผลการสำรวจครั้งหน้าว่า คะแนนของพรรครวมไทยสร้างชาติจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งหากคะแนนไหลเพิ่มขึ้น จะต้องดึงจากพรรคเพื่อนฝูง โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ที่คะแนนน้อยลงมาก
“ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยก็ได้คะแนนเพิ่มจากพรรคเสรีรวมไทย และอาจจะรวมถึงพรรคไทยสร้างไทย ตอนนี้จึงเป็นยุทธการกินกันเอง ย้ายปลาจากบ่อหนึ่งไปสู่อีกบ่อหนึ่ง แต่เป็นบ่อยี่ห้อเดียวกันหมด”
นายสุวิชา กล่าวต่อว่า สำหรับจำนวน ส.ส. ในสภาที่คาดการณ์ของพรรคเพื่อไทย น่าจะอยู่ที่ 240-260 ที่นั่ง แต่ระหว่างการเลือกตั้งจะมีปัจจัยให้ดึงลงมา บางพรรคอาจจะเข้าไปเจาะพื้นที่ฐานเสียงในภาคอีสาน หากบุกได้ขึ้นมา อาจจะทำให้พรรคเพื่อไทยดึงลงมา
“พรรคเพื่อไทยไม่มีโอกาสถึง 310 ที่นั่ง นอกจากจะกินแต้มจากเพื่อน โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล และต้องกินให้หมดด้วย แบบนี้จึงจะเป็นไปได้ ซึ่งทางเดียวคือต้องให้พรรคก้าวไกลประกาศว่าไม่ต้องเลือกผม ให้ไปเลือกพรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรคก้าวไกลเขาไม่ทำอยู่แล้ว”
ผอ.นิด้าโพล กล่าวต่อว่า สำหรับฐานคะแนนของพรรคก้าวไกล เขานิ่งอยู่แล้ว คะแนนไม่ขยับไปไหน นิ่งอยู่ที่ร้อยละ 13-17 ซึ่งจะไม่ขึ้น หรือไม่ลงไปมากกว่านี้แล้ว
ทั้งหมดคือบริบทการเมือง ที่วิเคราะห์ และคาดการณ์ผ่านข้อมูลนิด้าโพล ท่ามกลางการจับตามองถึงผลการเลือกตั้งที่ใกล้จะมาถึง สุดท้ายตัวเลขจริง จะเปลี่ยนสมการการเมืองไทยไปอย่างไรหรือไม่