ป.ป.ช.ตั้งอนุฯศึกษาป้อง จนท.รัฐออกเอกสารสิทธิมิชอบเอื้อนายทุน
เลขาฯ ป.ป.ช.ออกโรงย้ำไม่ปล่อยผ่าน จนท.รัฐเอื้อประโยชน์นายทุน ใช้ที่ดินรัฐโดยมิชอบ ยันสาธารณสมบัติของประเทศ ประเมินมูลค่าไม่ได้ ปัญหาใหญ่สร้างความสูญเสียให้ชาติ สั่งตั้งอนุกรรมการฯศึกษา วางมาตรการป้องกันแก้ไขการออกเอกสารสิทธิ
เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2566 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ที่ดินของรัฐ หมายถึงพื้นที่ที่รัฐสงวนหวงห้ามไว้ว่าพื้นที่ใดเป็นบริเวณที่มีการห้ามครอบครอง ซึ่งอาจเกี่ยวพันไปถึง ป่าไม้ ลำน้ำ แม่น้ำ เป็นต้น และประเด็นการใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบมีหลายกรณีที่สร้างความเสียหายกับประเทศชาติอย่างไม่สามารถประเมินค่าได้ อาทิ กรณีการใช้ประโยชน์เกาะแก่งของอุทยาน แต่มีการให้สิทธิเอกชนมาใช้ประโยชน์นำนักท่องเที่ยวเข้ามาสร้างรายได้ แทนที่บริเวณนั้นจะเป็นการดูแลของภาครัฐที่สามารถจัดเก็บรายได้เข้าประเทศ หรือการเข้ามาสวมสิทธิในที่ดิน ส.ป.ก.ของกลุ่มนายทุนที่มาใช้ประโยชน์ในที่ดิน สร้างโรงแรม รีสอร์ท เบียดบังประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่ เป็นต้น
นายนิวัติไชย กล่าวว่า สาเหตุที่ ป.ป.ช. ต้องเข้าไปติดตาม ตรวจสอบเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้ามาแทรกแซง หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งผิดในฐานะเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สำนักงาน ป.ป.ช. จึงจำเป็นต้องวางมาตรการ เพื่อเป็นกรอบไม่ให้เกิดช่องโหว่ในการทุจริต ตลอดจนตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อศึกษาปัญหาการออกเอกสารสิทธิในที่ดินโดยมิชอบ เพื่อศึกษา รวบรวม ข้อมูล และวิเคราะห์ปัญหาเกี่ยวกับการออกเอกสารสิทธิในที่ดินโดยมิชอบ ทั้งจากข้อเท็จจริง ความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงข้อกฎหมาย และคำพิพากษาของศาล และนำมากำหนดเป็นมาตรการ ตลอดจนข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลในการป้องกันการทุจริต เช่น รัฐบาลต้องมีการใช้มาตรการทางภาษีและมาตรการตรวจสอบการใช้ประโยชน์ในที่ดินอย่างเคร่งครัดกับผู้ถือครองที่ดินจำนวนมาก โดยให้มีการจำกัดสิทธิของบุคคลในการถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน นำบทบัญญัติในมาตรา 34 ถึง มาตรา 39 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งถูกยกเลิกโดยประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 49 ลงวันที่ 13 มกราคม 2502 มาบังคับใช้อีกครั้ง ซึ่งไม่มีผลกระทบกับบุคคลที่ ถือครองที่ดินในปัจจุบัน หรือการตรวจสอบทะเบียนและเลขบัตรประชาชน เพื่อไม่ให้พวกนายทุนมาครอบครองที่ดิน สปก. โดยต้องตรวจสอบอย่างชัดเจนว่า เป็นบุคคลที่สมควรได้ใช้ประโยชน์จากที่ดิน สปก.จริงหรือไม่ เป็นต้น
นายนิวัติไชย กล่าวด้วยว่า การได้รับความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ที่ร่วมแจ้งเบาะแส ก็นับว่าเป็นส่วนสำคัญในการทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างแท้จริง ซึ่งหากประชาชนต้องการแจ้งข้อมูลการบุกรุกหรือเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐอย่างไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งได้ทั้งในส่วนของสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัด หรือโทร 1205 เพื่อเป็นแนวร่วมกับ ป.ป.ช.ในการป้องกันการทุจริตให้หมดไปจากสังคม