รทสช.สัมมนา 400 ผู้สมัคร ส.ส.สู้เลือกตั้ง 66 เปิดตัว 2 แคนดิเดตนายกฯ
รทสช.จัดงานสัมมนาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 400 เขต สู้ศึกเลือกตั้ง 66 จับตาเปิดตัว 2 แคนดิเดตนายกฯวันนี้ “ประยุทธ์” นอนมา “พีระพันธุ์” เมินคำปรามาสตั้งพรรค เน้นลงมือทำงานมากกว่า
เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2566 ที่อาคารเดอะพอร์ทอล ไลฟ์สไตล์ คอมแพล็กซ์ อิมแพค เมืองทองธานี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จัดงานสัมมนาผู้สมัคร ส.ส. 400 เขต และประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 เพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง 2566 โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.และแกนนำพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวเปิดสัมมนาว่า ถือเป็นครั้งแรกที่ได้จัดกิจกรรมร่วมกับสมาชิกพรรคที่พร้อมจะลงเลือกตั้ง ซึ่งจะนำชัยชนะมาให้คนไทย ยืนยันว่าที่ทำพรรครวมไทยสร้างชาติขึ้นมาตั้งใจให้เป็นพรรคของคนธรรมดาไม่ใช่เป็นพรรคของคนยิ่งใหญ่ เป็นพรรคที่ช่วยกันทำงานแบบเพื่อนพี่น้อง กฎหมายบอกให้มีตำแหน่งก็มีไป แต่ในการทำงานของพวกเราไม่ได้แบ่งว่าใครเป็นหัวหน้าหรือรองหัวหน้า ทุกคนทำงานเป็นเบ๊ของพรรคทั้งหมด เราตั้งใจที่จะให้มีพรรคการเมืองแบบใหม่เป็นพรรคของประชาชนที่สามารถลดความหลื่อมล้ำในสังคมและความเป็นอยู่ต่างๆ รวมทั้งมีความรักความสามัคคี ถ้าไม่เริ่มต้นจากพรรคของพวกเราก็จะไปทำให้ประเทศเป็นแบบนี้ไม่ได้
“ในพรรคครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคที่ไม่มีผู้ยิ่งใหญ่ เป็นพรรคที่ทุกคนเท่ากันช่วยกันทำงาน จึงขอให้ทุกคนช่วยกันทำงานและนำไปสู่ความสำเร็จเพื่อนำมาช่วยเหลือประเทศไทยให้มีความสุขในการอยู่กับแผ่นดินนี้ ช่วยกันสร้างอนาคตให้กับลูกหลานต่อไป” นายพีระพันธุ์ กล่าว
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า เลขาธิการพรรคกล่าวว่าตนเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จและอยู่เบื้องหน้าอีกหลายเรื่อง แต่ความสำเร็จที่ตนพยายามผลักดันให้พรรค เติบโตขึ้นมาไม่มีวันจะเป็นไปได้เลยถ้าขาดบุคคลสำคัญอย่าง นายเสกสกล อัตถาวงศ์ คณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค อย่างไรตนก็ต้องขอขอบคุณ พรรค รทสช. เริ่มต้นจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค ที่ไม่ใช่เป็นผู้จดทะเบียนตั้งพรรคแต่มีมอตโตขึ้นมาระหว่างที่ประเทศกำลังเผชิญโควิด-19 โดยบอกว่าคนไทยต้องช่วยกันทำงานให้ชาติบ้านเมือง คนไทยต้องร่วมมือกัน รวมไทยสร้างชาติ พอได้ยินคำนี้ก็รู้สึกปิ๊ง
“ผมเคยคิดว่าจะพักแล้ว แต่พอเห็น พล.อ.ประยุทธ์ทำงานเลยเกิดความคิดว่าแล้วเราจะทิ้งบ้านเมืองไปได้อย่างไร และชอบคำที่พล.อ.ประยุทธ์พูด คิดว่าเป็นคำทางการเมืองที่ถูกต้อง รวมไทยสร้างชาติ เพราะไม่ว่าจะประเทศไทยเราหยุดคิดและเดินไม่ได้ เราหยุดการพัฒนาประเทศไม่ได้เราจึงต้องร่วมกันสร้าง คนไทยที่อยู่บนแผ่นดินนี้ไม่ร่วมใจ ไม่ร่วมกันสร้างแล้วเราจะเดินกันไปได้อย่างไร แต่นึกได้ไม่นานนายเสกสกล ก็แอบไปจดทะเบียนพรรค ซึ่งผมรู้จักกับคุณแรมโบ้มานาน ตั้งแต่เป็นส.ส.สมัยแรก ซึ่งท่านบอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะไปทำพรรคการเมือง
หัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวว่า แต่ผมชอบคำว่ารวมไทยสร้างชาติ และเชื่อว่าจะมีคนเอาไปจดทะเบียนพรรคจึงชิงจดไว้ก่อน เวลาผ่านไปจนถึงจุดที่ต้องตัดสินใจ ที่จะเดินหน้าทางการเมืองที่ฝันไว้ว่าจะมีพรรคที่ไม่ได้คิดแต่เรื่องการเมืองแต่คิดเพื่อประชาชน และสามารถเป็นที่พึ่งได้ จึงได้หารือกับ นายเอกนัฏ จึงลองทำดู ดีกว่าพูดแล้วไม่ทำ เอาแต่พูด จึงตัดสินใจเดินหน้าตั้งแต่มีกันอยู่แค่ 2 คน จนมีมากขึ้น เมื่อเป็นรูปธรรมจึงกลับไปหานายเสกสกลและขอเอาพรรครวมไทยสร้างชาติไปทำได้หรือไม่ ท่านก็บอกว่าถ้าพี่จะทำเอาไปเลยยกให้ ต้องขอบคุณและนี่คือจุดเริ่มต้นของพรรค” นายพีระพันธุ์ กล่าว
นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า เรามาทำพรรค รทสช. อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2565 ช่วง 6-7 เดือนที่ผ่านมาฟันฝ่าปัญหาอุปสรรคและคำปรามาส มีแต่คนมองว่าเราเป็นพรรคเล็กๆ ไม่มีอะไรตนจึงบอกกับเลขาฯ พรรคและทุกคนว่าอย่าไปสนใจ เพราะเราทำตามแนวทางและอุดมการณ์ค่อยเป็นค่อยไปได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ไม่ต้องไปสนใจคำพูดของคนอื่น ตั้งใจทำให้ดี มีคนบอกว่าจะไปส่งผู้สมัครได้อย่างไรมีสาขาและตัวแทนพรรคเพียง 4-5 แห่งจากทั่วประเทศ แต่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา กกต.ประกาศว่า รวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคเดียว พรรคแรกที่สามารถส่งผู้สมัครได้ทั่วประเทศ 400 คน
“ผมไม่พูดหรอกครับ เพราะผมเป็นคนที่ขี้เกียจไปนั่งเถียงกับใคร ลงมือทำเมื่อผลออกมาก็รู้เอง ผมทำงานร่วมกับทุกคนที้งที่เปิดเผยตัวและไม่เปิดเผยตัว แต่ถึงวันนี้ปวดหัวว่าจะเอาใครลงเพราะคนจำนวนมากเหลือเกิน และทุกคนในห้องนี้จะเป็นผู้แทนของพรรคลงสู่สนามเลือกตั้ง และบอกกับประชาชนว่าบัดนี้เรากำลังมีพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติ แผ่นดิน และประชาชนอย่างแท้จริง ทุกคนไม่ได้มาเพื่อตัวเองแต่มาเพื่อเป็นที่พึ่งให้กับประชาชน มาเพื่อสู้กับทุกปัญหา ขอเพียงการให้โอกาสไปทำหน้าที่ในสภา แต่กว่าจะไปถึงวันนั้นได้จะต้องฝ่าด่านมาก ต้องผ่านการต่อสู้และเจอกับปัญหาอุปสรรค ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาในการแข่งขันเพราะทุกคนอยากชนะ แต่จะชนะได้ต้องรู้ถึงกฎเกณฑ์และกติกาของการต่อสู้” นายพีระพันธุ์ กล่าว
นายพีระพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ตนผ่านการต่อสู้มา 8 สมัย อยู่ในการเมืองมา 31 ปี ผ่านการเลือกตั้งที่ไม่เคยมี กกต. ไม่มีกฎหมายแบบนี้ ไม่มีกฎเกณฑ์กติกาที่มากเหมือนในปัจจุบัน และมั่นใจว่าหลายคนในที่นี้ผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว เคยผ่านกฎเกณฑ์กติกาของ กกต. แต่ขอให้เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์กติกาหลายเรื่อง ซึ่งตนก็ยังงงและไม่เข้าใจกฎหมายลูกที่เพิ่งผ่านศาลรัฐธรรมนูญไปมีกฎกติกาที่เปลี่ยนแปลงออกไปอีก ดังนั้นถ้าไม่เรียนรู้สิ่งเหล่านี้แม้จะได้รับคะแนนสูงสุดหรือชัยชนะในการเลือกตั้งและเข้าไปทำงานให้กับประชาชนแต่เราอาจถูกปรับให้แพ้เพราะอาจจะมีการทำผิดกฎเกณฑ์กติกาได้ จึงขอให้ทำความเข้าใจตามกิจกรรมที่พรรคได้จัดขึ้นมานี้ รวมทั้งให้ดูฝ่ายตรงข้ามว่าทำผิดกติกาหรือไม่ และขอให้ระวังการถูกกลั่นแกล้ง
มีรายงานข่าวแจ้งว่า วันเดียวกันนี้จะมีอาจมีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค 2 คน คือ พล.อ.ประยุทธ์ และนายพีระพันธุ์