‘ชัยเกษม’แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย-ลั่นเร่งแก้รัฐธรรมนูญ
‘ชัยเกษม’แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย ยืนยันหลักนิติรัฐนิติธรรม เร่งแก้รัฐธรรมนูญ โดย สสร. สร้างระบบราชการที่มีหัวใจเป็นประชาชน
นายชัยเกษม นิติสิริ ผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีงาน ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ตอน ONE TEAM FOR ALL THAIS : หนึ่งทีม เพื่อไทยทุกคน’ เปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คน จากพรรคเพื่อไทย พร้อมลงรายละเอียดนโยบาย และย้ำหมายเลข 29 ของพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ณ ธันเดอร์โดม สเตเดียม อ. ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยแคนดิเดตอีก 2 ท่านเป็นไปตามที่พรรคเพื่อไทยได้ส่งสัญญาณตลอดมา คือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และ นายเศรษฐา ทวีสิน
ชัยเกษม กล่าวบนเวทีประกาศจุดยืนในการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า ตนยังคงยืนยันถึงหลักนิติรัฐและนิติธรรม ในฐานะอดีตข้าราชการ ได้รับการสอนมาเสมอว่า กฎหมายคือเครื่องมือรัฐในการควบคุมการดำเนินกิจกรรมของสังคม อำนวยความสะดวกประชาชน และพัฒนาประเทศชาติ
“แต่ 8 ปีที่ผ่านมากฎหมายกลับกลายเป็นเครื่องมือที่รัฐจงใจนำไปใช้อย่างผิดรูป จนกระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยว ข้าราชการไม่ได้บริการประชาชนด้วยหัวใจ ไร้ซึ่งมิตรภาพและการมองเห็นประชาชนเป็นผู้เสียภาษี ระบบราชการเอื้อผลประโยชน์ให้คนเพียงไม่กี่กลุ่ม”
เนื่องมาจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่เป็นผลพวงจากการยึดอำนาจ ของคณะรัฐประหาร ที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพื่อสืบทอดอำนาจของพรรคพวกตัวเอง และปิดหูปิดตาประชาชนไม่ให้มีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ มีแต่เพียงการทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญลวงตาของคณะรัฐประหาร
นายชัยเกษม กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ขอให้ประชาชนไว้วางใจพรรคเพื่อไทย ทันทีที่ชนะการเลือกตั้ง ได้จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ สำหรับรายละเอียดนโยบาย 3 ประการ ที่จะสร้าง นิติธรรมนิติรัฐดี ส่งเสริมให้เศรษฐกิจดีขึ้น และชีวิตทุกคนที่จะดีตามมา ได้แก่ ทำให้กระบวนการยุติธรรมเท่ากับความยุติธรรม, ปฏิรูประบบราชการทั้งระบบให้กลับมามีหัวใจเป็นประชาชนอีกครั้ง และแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ประการแรก พรรคเพื่อไทยจะ “สร้างกระบวนการยุติธรรมที่ซื้อไม่ได้” และปรับปรุง ยกเลิก กฎหมายที่ล้าหลัง ไม่เอื้อประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ รวมถึงลดขั้นตอนใช้ดุลยพินิจ เพื่อให้แน่ใจว่าประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเป็นธรรมและถ้วนหน้า
ประการที่สอง พรรคเพื่อไทยพร้อม “ปฏิรูประบบราชการท้ังระบบให้กลับมามีหัวใจเป็นประชาชน”โดยการยกระดับหน่วยงานราชการเป็นดิจิตอล ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการรัฐในที่เดียว และสามารถตรวจสอบผ่าน Blockchain ได้อย่างโปร่งใส, เปลี่ยนการชำระค่าธรรมเนียมเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ และใช้ “Central Bank Digital Currency (CBDC)” ในการจัดจ้าง และดำเนินการของภาครัฐ เพื่อป้องกันการใช้เงินสดทุจริตในระบบราชการและยกระดับระบบการเงินของประเทศ รวมถึงสนับสนุนการทำ “Open Government” เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้ทุกภาคส่วน
ประการที่สาม พรรคเพื่อไทยขอย้ำจุดยืนที่จะ “แก้ปมแรกของทุกปัญหา ด้วยการแก้รัฐธรรมนูญ” เพื่อให้รัฐธรรมนูญเป็นประโยชน์ และคุ้มครองเสรีภาพของประชาชน โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ต้องมาจากการเลือกของประชาชน และต้องมีมาตราสำหรับการป้องกันรัฐประหารให้เป็นความผิดฐานเป็นกบฏ ไม่มีกำหนดอายุความ ตามที่พรรคเพื่อไทยเคยได้เสนอไว้ เพื่อให้รัฐธรรมนูญของไทยตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการยึดอำนาจอีก
“นับถอยหลัง 37 วัน สู่วันเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม นี้ ย้ำถึงเป้าหมายที่อยากเห็นประเทศไทยที่ดีกว่า อยากเห็นอนาคตลูกหลานที่มีความสุข โปรดเข้าคูหา กาเพื่อไทย ให้แลนด์สไลด์ทั้งคน ทั้งพรรค และประชาชนจะได้พบเจอความยุติธรรมที่กินได้ และหน่วยงานราชการที่มีหัวใจเป็นประชาชนอีกครั้ง”