“มังกร ยนต์ตระกูล” คัมแบ็ค  บทพิสูจน์“พลังทุน”เสรีรวมไทย

การปรากฎชื่อของ “มังกร ยนต์ตระกูล” เป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 2 เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของ บรรดาลูกพรรคเสรีรวมไทยไม่น้อย

เพราะก่อนหน้านี้ “เสี่ยมังกร” ไม่เคยปรากฎ การทำงานร่วมกับพรรค ไม่มีตำแหน่งใดในพรรค อีกทั้งถือเป็นสมาชิกหน้าใหม่ ที่เพิ่งยื่นใบสมัครเมื่อ 26 มีนาคม 2566 ทำให้ลูกพรรคบางคน ตั้งคำถามกับการจัดลำดับปาร์ตี้ลิสต์ในครั้งนี้

 

หากไล่เรียงจากลำดับรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคเสรีรวมไทย พบว่าเบอร์ต้นๆ เป็นอดีตส.ส.-มือทำงานให้พรรค ประกอบด้วย

เบอร์ 1 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรค ฐานะแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 2 มังกร ยนต์ตระกูล เบอร์ 3 วิรัตน์ วรศสิริน เลขาธิการพรรค เบอร์ 4 ดร.นภาพร เพ็ชร์จินดา รองหัวหน้าพรรค เบอร์ 5 เพชร เอกกำลังสกุล รองหัวหน้าพรรค 

เบอร์ 6 สมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์และนโยบายพรรค เบอร์ 7 พล.ต.ท.พิศณุ ม่วงแพรศรี รองหัวหน้าพรรค เบอร์ 8 ศุภชัย นาคคสุวรรณ์ ประธานพรรคภาคใต้ เบอร์ 9 พล.ต.ต.เกษม สังขพันธ์ นายทะเบียนพรรค เบอร์ 10 พล.ต.ท.จุตติ ธรรมมโนวานิช อดีตนายตำรวจมือทำงานให้กับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นต้น

 

ชื่อ “มังกร ยนต์ตระกูล”จึงเป็นคนนอกที่สอดแทรก และเบียดตำแหน่งเข้ามาโดย “ไม่มีผลงาน” มาก่อน

 

เรื่องนี้ “วิรัตน์ วรศสิริน” เลขาธิการพรรค คนปัจจุบัน ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 3 และคนใกล้ชิด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่รับผิดชอบการเลือกตั้งในพื้นที่ภาคอีสาน บอกว่า ไม่ติดใจ ที่ถูกเบียดอันดับ และยอมรับในตัวของ “มังกร” ที่จะเข้ามาทำงานในพรรค โดยเฉพาะการกำกับกลยุทธ์เลือกตั้ง และดูแลผู้สมัครในพื้นที่ภาคอีสาน ทั้ง 133 เขต 

วิรัตน์ ยังระบุว่า จากที่เช็คกระแสในหลายพื้นที่ภาคอีสาน ต้องยอมรับว่า “กระแสพรรคเสรีรวมไทย” กำลังมาแรง แม้หัวหน้าพรรคจะไม่ได้ลงพื้นที่ไปด้วยตัวเอง แต่ชาวบ้านยังตอบรับทีมงานของพรรค รวมถึงผู้สมัคร ส.ส. ส่วนการทำงานการเมืองนั้น เป็นเรื่องที่ต้องรอการพิสูจน์

 

แม้ “เสี่ยมังกร” ไม่เคยทำงานการเมืองในพรรคเสรีรวมไทย และเพิ่งสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค แต่ไม่ใช่หน้าใหม่การเมือง เขาเคยเป็นอดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด ต่อมาเข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย และมาลงการเมืองท้องถิ่น ในตำแหน่งนายก อบจ.ร้อยเอ็ด ได้รับเลือกตั้งติดต่อกัน 2 สมัย และ คสช.ให้อยู่ต่อ 4 ปี รวมเป็น 12 ปี และยังคงสมัครนายก อบจ.หลังจากลาออกจากพรรคเพื่อไทยเมื่อปี 2561

 

แม้การเลือกตั้งนายก อบจ. ร้อยเอ็ด ปี 2563 มังกรจะไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่คะแนนอันดับสองที่ได้รับ  215,694 ไม่ห่างกับ เอกภาพ พลซื่อ ผู้ชนะ ที่ได้ 221,751 คะแนน ทำให้ “เสรีรวมไทย” เชื่อมั่นในฝีมือ และไว้วางใจ

เมื่อประเมินดีกรีของ “มังกร” ในฐานะนักการเมืองท้องถิ่น ที่ยังมีขุมกำลังสะสมในพื้นที่ อีกทั้ง “ยนต์ตระกูล” ถือเป็นตระกูลการเมืองระดับท็อปในพื้นที่ คนยังรู้จัก แม้จะร้างลาจากสนามการเมืองท้องถิ่นไปถึง 3 ปี แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็ยังวางใจ วางตัวให้เป็นประธานเลือกตั้งภาคอีสาน พร้อมกับโควตาผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 2

 

 

ในไม่ช้า มังกรก็อาจได้ตำแหน่ง “เลขาธิการพรรค” แทน “วิรัตน์” ที่นั่งขัดตาทัพในขณะนี้ โดยต้องรอบทพิสูจน์สำคัญ คือ การสร้างกระแสเสรีรวมไทยในพื้นที่ภาคอีสาน และผลงาน ส.ส.ในพื้นที่เป้าหมาย ที่กะเกณฑ์ไว้ประมาณ 3 คน

ทว่า คนในพรรคบางฝ่ายก็ปรามาสว่า ตำแหน่งใหญ่-ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 2 มาได้เพราะ “พลังทุน” มากกว่า “กำลัง-ฝีมือ”

อย่างไรก็ดี การแต่งตัว “มังกร” สวมเสื้อเสรีรวมไทย ลงสนามเลือกตั้งครั้งนี้ ก็ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ “คนการเมือง” ในพื้นที่เช่นกัน เพราะนับตั้งแต่ที่ “มังกร” สอบตกในสนามเลือกตั้งท้องถิ่น ไม่เคยปรากฎการเคลื่อนไหวทางการเมืองในพื้นที่

ส่วนการเล่นการเมืองใต้ดินนั้น ที่ผ่านมา ไม่เคยมีข่าวว่า “มังกร” จะเป็นคู่ต่อกรของ “พรรคการเมืองใด” เป็นพิเศษ ขณะที่ตัวบุคคลที่ลงเลือกตั้ง ส.ส.ในจังหวัดต่างๆ ของภาคอีสาน ยังไม่ใช่คนที่ประชาชน “ว้าว”

 

การเข้ามามีบทบาทของ “เสี่ยมังกร” ในพรรคเสรีรวมไทยรอบนี้ แม้ “แกนนำในพรรค” จะไว้วางใจ แต่ “ลูกพรรคระดับคนทำงาน” รวมถึง “นักการเมืองท้องที่” มองว่า “มือยังไม่ถึง” เพราะด้วยร้างสนามการเมืองใหญ่มานาน 

 

อีกทั้งสมัยที่อยู่ "พรรคเพื่อไทย” นายใหญ่ ให้การยอมรับน้อย เพราะมีภาพเกาะเกี่ยวกับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคไทยสร้างไทย

ดังนั้นต้องจับตาว่า “มังกร แห่งเสรีรวมไทย” จะสร้างผลงานได้จริง หรือแค่หาที่ “ยึดเกาะ” บนสนามการเมืองระดับชาติ เท่านั้น.