22 เลข ‘รัฐประหาร’ ลัคกี้นัมเบอร์ ‘ประยุทธ์’ รบ “ทักษิณ”ไม่สิ้นสุด ?
นับจากนี้จะเข้าโหมดการเลือกตั้งอย่างเต็มรูปแบบ ภายหลังการเปิดรับสมัคร ส.ส.แบ่งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์ -แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ผ่านพ้นไปแล้ว ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองหลังเลือกตั้งใหญ่ 14 พ.ค.2566 น่าจับตายิ่งนัก
สร้างเสียงฮือฮาไม่น้อย หลังพรรครวมไทยสร้างชาติ โดย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค จับสลาก ส.ส.บัญชีรายชื่อได้เลขเบิ้ลหมายเลข 22 ในวันการเปิดรับสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หรือ ปาร์ตี้ลิสต์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ รทสช. ก็แฮปปี้ไม่น้อย แม้ในวันนั้นจะโดน “แซนด์” ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ หลานสาวยิ่งลักษณ์ -ทักษิณ ชินวัตร ตะโกนแทรกขึ้นมาในระหว่างให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวด้วยประโยคที่ว่า
“ได้เลข 22 ตรงกับวันยึดอำนาจรัฐบาล ยิ่งลักษณ์”
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่มีทีท่ายี่หระหรือเก็บมาเป็นอารมณ์แต่อย่างใด
ทั้งนี้หากย้อนดูเหตุผลการโค่นล้มอำนาจ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เมื่อ 22 พ.ค.2557 ของคณะรัฐประหาร ที่ได้เแจกแจงประชาชนไว้ถึง 10 ข้อ แต่ก็อยู่ใน 3 เงื่อนไขที่ใช้ยึดอำนาจทุกยุคทุกสมัย 1.มีการกระทำผิด ละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ 2.รัฐบาลบริหารงานล้มเหลว มีการทุจริตคอร์รัปชันเป็นวงกว้าง และ 3. ประชาชนมีความขัดแย้งรุนแรง
สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่กำลังโฟกัสไปที่การเลือกตั้งใหญ่ 14 พ.ค. ทุกพรรคการเมืองกำลังเร่งเครื่องเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงทั่วประเทศ พร้อมเสนอนโยบายใหม่ๆ จูงใจประชาชนเข้าคูหา กาเบอร์ผู้สมัครทั้งคนและพรรค หวังชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศต่อไป
แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น หันมาเช็กสถานการณ์ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีเหตุการณ์ที่น่าสนใจ และเชื่อกันว่าจะส่งผลต่อการเมืองไทยในอนาคตข้างหน้านี้ไม่มากก็น้อย ทั้งการเคลื่อนไหวรณรงค์ยกเลิกมาตรา 112 กรณีของ “ตะวัน-แบม” ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ อรวรรณ ภู่พงษ์ สองนักกิจกรรมอิสระ
หลังหยุดอดอาหารประท้วง หันมาเดินสายทวงถามจุดยืนจากพรรคการเมืองต่างๆ ต่อกรณียกเลิก ม.112 ล่าสุด บุกเข้าไปเวทีหาเสียงพรรคพลังประชารัฐ ใต้สะพานพระราม 8 เขตบางพลัด จนเกิดเหตุกระทบกระทั่ง เพื่อทวงถามกรณีการจับกุมบุคคลพ่นกำแพงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
สำหรับเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นในช่วงเย็นวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม นายศุทธวีร์ สร้อยคำ หรือ บังเอิญ อายุ 24 ปี ชาว จ.ขอนแก่น กำลังพ่นสีสเปรย์สีดำใส่รั้วกำแพง วัดพระแก้ว ข้อความ 112 และ ตัวอักษร A
หน่วยงานความมั่นคง อธิบายว่า เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ถึงการยกเลิกมาตรา 112 ส่วนตัวอักษร A ในวงกลม เป็นเครื่องหมายอนาธิปไตยสากล หรือลัทธิอนาธิปไตย Anarchism ในเชิงรัฐศาสตร์ หมายถึง ความไร้กฎหมายปกครอง ไร้ระบบการปกครอง การปกครองที่มีประมุขและอำนาจลดหลั่นลงมาเป็นภัยต่อสังคม รวมทั้งสังคมไม่จำเป็นต้องมีรัฐบาลหรือผู้นำการปกครอง
“ มีการดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่พระบรมมหาราชวังอยู่แล้ว ทั้งภายใน-ภายนอก จากนี้ไปคงต้องระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะการฉีดพ่นสีสเปรย์แล้วนำไปขยายผลในโซเชียลมีเดีย ส่วนเรื่องลัทธิอนาธิปไตย Anarchism ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะหน่วยงานความมั่นคงได้ติดตามเรื่องนี้มานานแล้วเช่นกัน”
ขณะที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่เพิ่งนำคณะนายทหารชั้นนายพลที่ได้รับพระราชทานเลื่อนยศสูงขึ้น ถวายสัตย์ปฏิญาณตน เบื้องหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5 เพื่อย้ำถึงความจงรักภักดี ปกป้องอธิปไตย เทิดทูนรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ โดยได้พูดถึงกรณีดังกล่าวว่า
"ความคิดเราห้ามกันไม่ได้ แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามกฎหมาย บ้านเมืองมีขื่อมีแป ใครจะถืออะไรไป เพื่อไปที่พระบรมมหาราชวังให้ได้ ก็บอกแล้ว สถานที่นั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าไปทำก็ต้องสนใจความรู้สึก หรือความศรัทธา ความรักของคนไทยที่มีต่อสถานที่นั้นด้วย เป็นเรื่องของคนส่วนใหญ่ที่ต้องคิดว่าใครดี ใครไม่ดี ใครถูกใครผิด เรื่องนี้เป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ เรามีสถาบันหลักอยู่แล้ว กฎหมายก็มี เราก็ต้องปกป้องคุ้มครองสถาบันหลักอยู่แล้ว ส่วนอยู่ในอำนาจหน้าที่ขอบเขตแค่ไหน เราก็ทำตามขอบเขตหน้าที่นั้น ก็คงไม่มีใครคาดคิด เพราะถ้าคนดี คนปกติคงไม่ทำ”
เมื่อเร็วๆ นี้ เฟซบุ๊ก Vachara Riddhagni ได้โพสต์ข้อความ-รูปภาพ การนัดรวมตัวกันของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “อดีตเสนาธิการร่วม กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณและกองทัพธรรม” ประกอบด้วย พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ พล.อ.ชูเกียรติ ตันสุวัฒน์ ดร.สนธิ เตชานันท์ เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์
โดยการนัดรวมตัวดังกล่าวมีขึ้นทุก 2 เดือนครั้ง เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูล ถึงสถานการณ์การเมืองทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต พร้อมทั้งรำลึกถึงการเคลื่อนไหวทางการเมืองในการเข้าร่วมขับไล่ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตั้งแต่ 4 ส.ค. 2556 จนกระทั่งเกิดรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557
และในตอนท้าย ได้ย้ำถึงจุดยืนของ อดีตคณะเสนาธิการร่วม โค่นระบอบทักษิณ โดยมีใจความสั้นๆ ว่า “จะต่อสู้กับระบอบทักษิณไม่มีวันสิ้นสุด”
ทั้งหมดนี้อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เคยผ่านวิกฤติสำคัญๆของบ้านเมือง ถึงกับยกบทพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 6 “ไร้รักไร้ผล” มาเตือนสติ และขอให้ช่วยกันนำพาบ้านเมืองไปสู่ความปลอดภัยสันติสุข อย่าให้เกิดวิกฤตการณ์อะไรต่างๆที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ในวันครบรอบ 136 ปี สถาปนากระทรวงกลาโหม เมื่อ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา
เพราะนับจากนี้จะเข้าโหมดการเลือกตั้งอย่างเต็มรูปแบบ ภายหลังการเปิดรับสมัคร ส.ส.แบ่งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์ -แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ผ่านพ้นไปแล้ว ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองหลังเลือกตั้งใหญ่ 14 พ.ค.2566 น่าจับตายิ่งนัก