บิ๊กเซอร์ไพรส์! “ประยุทธ์” ลุยเวทีดีเบต โค้งสุดท้ายหาเสียงเลือกตั้ง 66
“ธนกร” เผยบิ๊กเซอร์ไพรส์ “ประยุทธ์” ลุยเวทีดีเบตทั่วประเทศ โค้งสุดท้ายหาเสียงเลือกตั้ง 66 ซัดนโยบาย “กระเป๋าเงินดิจิทัล” เพื่อไทยสุดโต่ง หวังหาเสียงอย่างเดียว เตือนประเทศเจ๊ง เชื่อประชาชนฉลาดพอ
เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ และหัวหน้าคณะทำงานจัดกำหนดการหาเสียงและการปราศรัย พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดคิวลงพื้นที่หาเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และแคนดิเดตนายกฯ รทสช. ในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ ว่า ในฐานะที่ตนเป็นประธานทั้ง 2 คณะ จะมีการประชุมกันในวันเดียวกันนี้ โดยตนเองได้ลาราชการครึ่งวัน เพื่อให้ได้ข้อสรุปในวันเดียวกันนี้ แต่ทางพรรคจะจัดให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไปทุกพื้นที่ที่เป็นเป้าหมายหลัก
นายธนกร กล่าวอีกว่า ผู้สมัครส.ส. ในพื้นที่ได้เสนอข้อมูลมาแล้วแต่ด้วยเวลาที่จำกัด พล.อ. ประยุทธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ควรจะลงในพื้นที่ที่เป็นเป้าหมายหลักของพรรค ทั้งในพื้นที่ภาคกลาง และพื้นที่ภาคใต้ ส่วนภาคอีสานและภาคเหนือจะลงพื้นที่ไปบางจังหวัด ยอมรับว่าหลังจากที่มีการจับเบอร์ผู้สมัคร ส.ส. กระแสความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเรามีโพลของพรรคที่ทำ ดังนั้นจะต้องลงพื้นที่เพื่อย้ำด้วยในเรื่องดังกล่าวด้วย
เมื่อถามว่า พล.อ. ประยุทธ์ จะไปร่วมเวทีดีเบต เวทีไหนหรือไม่ หรือมีการมอบหมายบุคคลอื่น นายธนากร กล่าวว่า ก็ไม่แน่ เพราะในช่วงโค้งสุดท้าย อาจจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ก็ได้ ซึ่งในวันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ทยอยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลายสำนัก ด้วยเวลาที่มีจำกัดและพยายามจะให้สัมภาษณ์กับทุกสื่อ ฉะนั้นเชื่อว่าในโค้งสุดท้ายอาจจะมีเซอร์ไพรส์ และวันนี้จะเห็นได้ว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนโยบายกันเยอะ ในเรื่องการใช้เงินต่าง ๆ
นายธนกร ยังกล่าวถึงนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทยด้วยว่า เพิ่งได้ยินแกนนำของพรรคเพื่อไทยที่บอกว่าที่บอกว่าเรื่องเงินดิจิทัล ถ้าใครได้ไปแล้วไม่สามารถไปรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน)ได้ ตรงนี้ผมคิดว่ามันต้องคิดหลายอย่าง ซึ่งในอดีต ที่ผ่านมาท่านโจมตีพล.อ.ประยุทธ์มาโดยตลอด ว่าเก่งแต่แจกเงิน ทุกเช้า กลางวันเย็น ก่อนนอน แต่วันนี้ท่านมาดำเนินการซึ่งมากกว่า ใช้เงินจำนวนมาก ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตมีการวิพากษ์วิจารณ์การใช้การใช้นโยบายสุดโต่งในการหาเสียงแบบนี้ ผมเชื่อว่าวันนี้ประชาชนเป็นคนฉลาด ท่านจะทราบดีว่านโยบายตรงไหนหาเสียงแล้วทำไม่ได้หรือทำได้หรือทำได้ วันนี้หลายสิ่งหลายอย่างคิดว่าประชาชนน่าจะกังวล และเชื่อว่าที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)กำหนดมา 3 ข้อเรื่องที่มาของเงิน ประโยชน์และความคุ้มค่า แต่ข้อที่ 3 เงินดิจิทัล ต้องระมัดระวัง ผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบายตรงนี้คิดว่าตอบสังคมไม่ได้ เพราะมีความเสี่ยงเรื่องวินัยการเงินการคลัง และ นักการธนาคารได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์แล้ว ดังนั้นเชื่อว่าดังนั้นเชื่อว่าเป็นนโยบายสุดโต่งหาเสียงมากเกินไป
“เรามีประเทศตัวอย่างที่ล่มสลาย อย่างประเทศเวเนซุเอลา ประเทศประชานิยมสุดโต่งประเทศก็พังไปแล้ว ฉะนั้นวันนี้อยากให้คนไทยได้ตั้งสติได้ตั้งสติและทบทวนในสิ่งที่พรรค พรรคการเมืองบางพรรคเสนอนโยบาย แต่นโยบายของพรรครทสช. ทำได้จริงและทำสำเร็จไปแล้วหลายนโยบาย และคิดว่าประชาชน เข้าใจในสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ทำมาตลอด แต่สิ่งที่พรรคเพื่อไทยออกนโยบายมา มีสิ่งที่ต้องตั้งข้อสังเกตเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง 4 กิโลเมตรหรือการใช้ระบบ ผมฟังแล้วยังสับสน มาแล้วขณะที่โครงการของรัฐบาลใช้สำเร็จมาแล้วกระตุ้นเศรษฐกิจจริง แต่ นโยบายของท่านในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินดิจิทัล 10,000 บาทแจกทุกคน หมายความว่าเจ้าสัวก็ได้ก็ได้ด้วย มันเป็นตรรกะที่ไม่ตอบโจทย์ประชาชนและประเทศ ถ้าเป็นไปได้อยากให้ทบทวนนโยบายเหล่านี้” นายธรกร กล่าว
เมื่อถามว่าพรรค รทสช. จะมีนโยบายอะไรใหม่ใหม่ออกมาเพิ่มเติมหรือไม่ ในโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง นายธนากร กล่าวว่า เรื่องนโยบายไม่ควรจะมีเยอะ ซึ่งเราต้องดูแลประชาชนทุกสาขาอาชีพ สิ่งที่เราต่างจากพรรคอื่นคือพรรครทสช. บอกวิธีการหาเงินเข้าประเทศอย่างเงิน 4 ล้านล้านบาทจะหาเงินมาอย่างไร รวมถึง นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา 27.5 ล้านคน เงินจะเข้ามา 2.3 ล้านล้านบาท นี่คือการหาเงินจากอีอีซี
เมื่อถามว่าจะไปตรวจสอบหุ้นดิจิทัลของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ตนเห็นคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์เยอะ ซึ่งมีความผิดปกติเยอะเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศ การสื่อสารไปทุกพื้นที่ ประชาชนฟังข่าวแล้วทบทวนจะเข้าใจว่าเป็นไปได้ยาก ไม่ตอบโจทย์และไม่สมเหตุสมผลกับนโยบายนี้ แต่นโนบายพรรครทสช. ตอบโจทย์และสมเหตุสมผล เพราะทำสำเร็จแล้ว ส่วนรายได้ 4 ล้านล้านบาทที่จะหาเงินเข้าประเทศนั้น จะใช้ช่วงระยะเวลา 4 ปี
นายธนกร กล่าวอีกว่า การที่บอกว่าจะเอารายได้จากภาษี ที่เพิ่มขึ้น 260,000 บาท มัน เป็นการคาดการณ์หากไม่มีรายได้ประเทศเจ๋งแน่นอน ส่วนนโยบายดังกล่าวสะเทือนพรรครทสช.หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า สิ่งที่กังวลที่สุดในวันนี้ พูดง่ายๆ คนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐถ้ารับเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะไม่ได้รับเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเลย ในขณะที่เราดูแลมา7-8 ปีแล้ว ปีหนึ่งรวมแล้ว ย้ำว่าสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ทำไมมีความมั่นคงและยังยืนอย่างเดียวแต่สิ่งที่ท่านคิดหาเสียงอย่างเดียวฝากคนไทยให้ได้คิดด้วย และเชื่อว่าเงินดิจิทัลจะไม่สะเทือนกับพรรค รทสช.แต่กลับกลาย เป็นทำให้ประชาชนกังวลว่าจะไม่ได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเหมือนเดิม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะไปตัดเงิน อาสาสมัคประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุหรือ