"ชวน หลีกภัย"มั่นใจปชป.กวาด ส.ส.กระบี่ 3 เขต แนะเลือกคนดี พรรคดี สุจริต
"ชวน หลีกภัย" มั่นใจประชาธิปัตย์กวาด ส.ส.กระบี่ ทั้ง 3 เขต ลั่นเลือกคนดี พรรคดี สุจริต ห่วงเลือกตั้งครั้งนี้ใช้เงินซื้อเสียงรุนแรง
วันนี้ (14 เม.ย.66) ที่ตลาดสดเทศบาลตำบลคลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่มาพบปะพี่น้องชาวกระบี่และช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 3 เขตของกระบี่ ประกอบด้วย
นายธนวัช ภูเก้าล้วน ผู้สมัครเขต 1 เบอร์ 3 นายสาคร เกี่ยวข้อง ผู้สมัครเขต 2 เบอร์ 5 และ น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ผู้สมัครเขต 3 เบอร์ 5 ซึ่งจากการลงพื้นที่นายชวน ยังคงเป็นขวัญใจของชาวกระบี่ต่างมาขอถ่ายรูปกันไม่ขาดสาย
นายชวน กล่าวตอนหนึ่งขณะขึ้นเวทีปราศรัยว่า ขอพูดตรงๆ ว่า เมื่อครั้งที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกมาบังคับใช้ ระบุว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง แต่วันนี้โกงกันหมด ตนคิดว่าโกงปราบรัฐธรรมนูญ มากกว่ารัฐธรรมนูญปราบโกง เพราะปัญหาการทุจริตได้ขยายไปทั่วเป็นวงกว้างทั้งในกรุงเทพฯ และท้องถิ่น
แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับหน่วยงานที่ยังคงความสุจริต ตามที่ในหลวง ร.9 เคยรับสั่งไว้ว่า บ้างเมืองมีทั้งคนดีและไม่ดี นี่คือความจริงว่า ทุกหน่วยงานก็มีทั้งคนดีและไม่ดี อย่าไปเหมารวม
“สมัยที่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ายึดอำนาจก็กล่าวหา ส.ส.ทุกสัปดาห์ ว่าไม่ดี ผมจึงบอกกับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยตรงว่า ที่ท่านเคยว่านักการเมืองไม่ดีก็มีจริง ทหารเลวก็มี ขออย่าไปเหมารวมเวลาพูด ซึ่งหลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้เปลี่ยนคำพูดว่านักการเมืองที่ดีนั้นก็มีอยู่”
นายชวน กล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้ทุกวงการมีสีเทา วงการตำรวจก็มีสรเทา ในสภาขณะที่ตนเป็นประธานสภา 4 ปี ก็ยังมี ส.ส.สีเทา ทั้งรีดไถ่เงินพ่อค้าจีน แต่ก็ไม่มีใครกล้าร้องเรียนส.ส.เหล่านั้น เพราะผู้เสียหายเองก็ทำธุรกิจผิดกฎหมายเช่นกัน จึงไม่อยากให้ประชาชนหวังพึ่งเพียงรัฐธรรมนูญทั้งหมด แต่ขอให้ส่งเสริมคนดี พรรคดี
นายชวนกล่าวทิ้งท้ายว่า หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาได้รับคะแนนเสียงท่วมท้นเหมือนในอดีตที่ผ่านมา แต่ยอมรับว่า ยังมีเรื่องที่กังวลอยู่บ้าง เพราะผู้ลงสมัคร ส.ส. มีอยู่หลายพรรค แต่ส่วนหนึ่งก็คือ ระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งตนเองก็ตั้งใจลงมาช่วยพรรค และผู้สมัครในพื้นที่เพื่อขอคะแนนเสียง
“อยากฝากพี่น้องประชาชนอย่าหลงพรรค ขณะที่การเลือกตั้งครั้งนี้ผมคิดว่า สิ่งที่น่าจะรุนแรงขึ้นกว่าเดิมก็คือ เรื่องเงินซื้อเสียง ซึ่งเป็นที่รู้กันดีในหมู่นักการเมือง มีการวิจารณ์กันหนักในเรื่องนี้ว่า จะมีการใช้เงินกันอย่างหนัก”