‘เพื่อไทย’แจงกกต.ทำ70นโยบายวงเงิน3ล้านล้าน-แจก1หมื่นงบปกติ-บริหารภาษี
‘เพื่อไทย’แจงกกต. ทำ 70 นโยบาย วงเงิน 3 ล้านล้าน แจก 1 หมื่น ใช้งบปกติ-บริหารภาษี เผยใช้รายได้รัฐปี 67 วงเงิน 2.6 แสนล้านบาท ภาษีที่ได้มาจากผลคูณต่อเศรษฐกิจจากนโยบาย 1 แสนล้านบาท บริหารจัดการงบประมาณ 1.3 แสนล้านบาท บริหารงบประมาณด้านสวัสดิการที่ซ้ำซ้อน 9 หมื่นล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ได้เซนหนังสือที่ พท.0893/2566 ถึงกกต. เรื่อง การกำหนดนโยบายที่ใช้ในการประกาศโฆษณาของพรรคเพื่อไทย ตามที่พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 57 บังคับไว้ในส่วนของการกำหนดนโยบายที่ต้องใช้จ่ายเงิน ต้องระบุ 3 เรื่อง คือ 1.วงเงินที่ต้องใช้ 2.ที่มาของเงินที่จะใช้ดำเนินการ และ 3.ความคุ้มค่า ประโยชน์ในการดำเนินการ และความเสี่ยง
โดย นพ.ชลน่าน ยืนยันในเอกสารว่า ได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านมาตั้งแต่การยึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อปี 2557 การกำหนดนโยบายและวงเงินงบประมาณ ที่จะใช้ต้องคำนึงถึงสถานะการเงินที่เป็นอยู่ เมื่อได้รับโอกาสบริหารประเทศ นโยบายและวงเงินที่จะใช้ จึงอาจมีการปรับให้เข้ากับสถานการณ์และอาจต้องผูกพันธ์งบประมาณต่อเนื่อง เพื่อความสำเร็จของโครงการ
โดยในเอกสารดังกล่าว พรรคเพื่อไทย ได้เสนอนโยบาย 15 ด้าน รวมทั้งสิ้น 70 นโยบาย โดยมีกรอบวงเงินสำหรับดำเนินตามนโยบายนี้ ตลอดระยะเวลา 4 ปีตามอายุรัฐบาล ซึ่งตัวเลขที่ปรากฎในเอกสาร รวมเป็นเงินประมาณ 3 ล้านล้านบาท
สำหรับนโยบายที่ถูกจับตามอง นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล วงเงินที่ต้องใช้ 560,000 ล้านบาท ส่วนที่มาของเงินที่จะใช้ในการดำเนินการ ใช้การบริหารงบประมาณปกติ และบริหารระบบภาษี
ส่วนความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย ประชาชนได้รับเงินดิจิทัลก้นถึง ที่มีเงื่อนไขเป็นประโยชน์สูงสุดต่อการกระตุ้นและการพฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เกิดเงินหมุนเวียนทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างเท่าเทียมและสูงกว่าเม็ดเงินที่ใช้ ประชาชนทุกคน มีกระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งจะทำให้เป็นประโยชน์ต่อมาตรการทางการคลังในอนาคต เพราะสามารถใส่โปรแกรมเพื่อระบุเงื่อนไขในเงินดิจิทัล ทำให้มาตรการทางการคลังมีประสิทธิภาพสูงสุด ประเทศเข้าสู่ระบบการเงินรูปแบบใหม่ผ่านเทคโนโลยีบล็อคเชนเพื่อรองรับการเปลี่ยนของระบบการเงินโลก และภาคธุรกิจได้รับอานิสงส์จากกำลังซื้อประชาชนที่เพิ่มขึ้นอย่างเท่าเทียมทั่วถึงในทุกพื้นที่
ขณะเดียวได้ชี้แจงที่มาแหล่งเงิน วงเงิน 560,000 ล้านบาท โดยที่มาของเงินที่ใช้ดำเนินการ มีดังนี้ จากการบริหารระบบงบประมาณและระบบภาษี 1.ประมาณการรายได้รัฐที่เพิ่มขึ้นในปี 2567 จำนวน 2.6 แสนล้านบาท 2.ภาษีที่ได้มาจากผลคูณต่อเศรษฐกิจจากนโยบาย 1 แสนล้านบาท 3.การบริหารจัดการงบประมาณ 1.3 แสนล้านบาท 4.การบริหารงบประมาณด้านสวัสดิการที่ซ้ำซ้อน 9 หมื่นล้านบาท ทั้งหมดนี้สามารถปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมตามสถานการณ์ด้านการคลังของประเทศ
โดยนโยบายของเพื่อไทยจำนวน 70 นโยบายที่ได้ชี้แจงวงเงิน ที่มางบประมาณ ความคุ้มค่า-ประโยชน์ที่จะได้รับจากนโยบาย ในหัวข้ออื่นๆ ยังมีอาทิ นโยบายเงินสมทบคนสร้างตัว วงเงินที่ต้องใช้ 9 หมื่นล้าน, นโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุ 3 แสนล้านบาท, รถไฟฟ้ากทม. 20 บาทตลอดสาย 4 หมื่นล้าน + 8 พันล้านต่อปี, นโยบายเชื่อมโยงรถไฟขนส่งสินค้า จากลาวเข้าสู่ท่าเรือแหลมฉะบัง และสนามบินสุวรรณภูมิ 4.5 หมื่นล้าน
นโยบายเชื่อมโครงข่ายรถไฟความเร็วสูง ทั่วประเทศ 8 หมื่นล้าน, นโยบายบริหารจัดการน้ำ ไม่ท่วม ไม่แล้ง เบื้องต้น5แสนล้านบาท, เงินเดือนคนจบปริญญาตรี 2.5 หมื่นบาท ใช้เงิน 4 หมื่นล้าน, สนับสนุนส่งเสริมเอสเอ็มอี 3 หมื่นล้าน, นโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค เพิ่ม 2 หมื่นล้านบาท ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 3 พันล้านบาท