เจาะสนาม "เมืองหลวง" ขวาอ่อนแรง-อวสาน "2 ลุง"?
คะแนนนิยม "ฝ่ายประชาธิปไตย" ที่สูงติดลมบน ในขณะที่"ฝั่ายอนุรักษ์ฯ" เริ่มอ่อนแรง นับถอยหลังสู่วันชี้ชะตา“33 ที่นั่งผู้แทน”เมืองหลวง พรรคไหนจะ “วิน” หรือ “วืด”?
นับถอยหลัง 23 วันจะถึงวัน “ชี้ชะตา” การเมืองไทย ผ่านการออกเสียงลงคะแนนเลือก“ผู้แทน”เข้าไปทำหน้าที่ในสภา
เข้าสู่โค้งสุดท้าย “สนามการเมือง” จึงคลาคล่ำไปด้วยบรรดาพรรคการเมือง ต่างฝ่ายต่างงัดสารพัดกลเม็ดในการอ้อนขอคะแนนให้กับผู้สมัครพรรคตนเอง
เจาะลึกไปที่ “สนามเมืองหลวง” อย่างกรุงเทพมหานคร จุดยุทธศาสตร์สำคัญที่หลากหลายพรรคการเมืองหมายปอง รอบนี้มี ส.ส.เพิ่มจากเดิม 30 เป็น 33 ที่นั่ง จึงไม่แปลกที่ยามนี้แทบทุกพรรคจะขนแกนนำ รวมถึงผู้สมัครเดินสาย “เปิดเกมรุก-บุกพื้นที่” ขอคะแนนหวัง ตีตั๋วผู้แทนนครบาลให้จงได้
ย้อนดูผลการเลือกตั้งเมืองหลวงครั้งล่าสุดเมื่อปี 2562 เวลานั้น “30 ที่นั่ง ส.ส.” ถูกเฉลี่ยให้กับ 3 พรรคการเมืองจาก 2 ขั้ว
แบ่งเป็น “ขั้วประชาธิปไตย” ทั้ง เพื่อไทย ปักธงสนามเมืองหลวงได้ 9 ที่นั่ง พรรคอนาคตใหม่ที่ต่อมากลายมาเป็นพรรคก้าวไกลปักธงได้ 9 ที่นั่ง
ขณะที่ “ฝั่งอนุรักษนิยม” มีเพียงพลังประชารัฐพรรคเดียว ที่ได้กระแส “เลือกความสงบจบที่ลุง” ปักธงสนามเมืองหลวงไปถึง 12 ที่นั่ง
ทว่า เมื่อบริบทการเมืองเปลี่ยนไป ศึกเลือกตั้ง “ผู้แทนเมืองหลวง” รอบนี้ อาจไม่เป็นเช่นนั้น เพราะด้วยกระแสความนิยมพรรคการเมือง “ขั้วประชาธิปไตย” ทั้งเพื่อไทยและก้าวไกล ที่ยามนี้ยังสูงติดลมบน
สะท้อนชัดมาตั้งแต่ศึกเลือกตั้ง “2 สนามเมืองหลวง” ทั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(ผู้ว่าฯกทม.) และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร(ส.ก.) ทั้ง 50 เขต เมื่อช่วงต้นปี 2565
เกิดปรากฏการณ์ “ชัชชาติแลนด์สไลด์” คะแนนของ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ได้รับเสียงสนับสนุนแบบถล่มทลาย
เช่นเดียวกับที่นั่ง สก. 50 ที่นั่ง ซึ่ง“ฝ่ายประชาธิปไตย” กวาดไปได้มากถึง 36 ที่นั่ง แบ่งเป็น พรรคเพื่อไทย 20 ที่นั่ง ก้าวไกล 14 ที่นั่ง และไทยสร้างไทย 2 ที่นั่ง
ขณะที่ฝั่ง “อนุรักษนิยม” ได้ สก.มาเพียง 14 ที่นั่ง แบ่งเป็น ประชาธิปัตย์ 9 ที่นั่ง กลุ่มรักษ์กรุงเทพ 3 ที่นั่ง และพลังประชารัฐ 2 ที่นั่ง
ผลคะแนนที่ออกมา แน่นอนว่าส่งผลมาถึงการเมืองสนามใหญ่ ที่กำลังจะถึงวันชี้ชะตาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
สอดคล้องกับ “ผลสำรวจ”คะแนนนิยมจากหลากหลายสำนักโพล ที่ค่อนข้างเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า สนามเมืองหลวงรอบนี้จะเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง 2 พรรคฝ่ายประชาธิปไตย คือ เพื่อไทย และก้าวไกล
ไม่ต่างจากคะแนนนิยมผู้นำพรรค ทั้ง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งมีคะแนนนิยมอยู่ในอันดับ 1 และ 2
ขณะที่ “โหรการเมือง”บางคน ยังถึงขั้นทำนายไปถึงตัวเลขส.ส.กทม. ในส่วนเพื่อไทยและก้าวไกล ที่อาจทะยานแตะ 2 หลัก พรรคละ “10+” เป็นอย่างน้อย
โดยเฉพาะผู้นำ “พรรคสีส้ม” อย่าง “พิธา” ที่ออกอาการมั่นใจว่า ศึกเลือกตั้งรอบนี้ จะไม่ใช่แค่การ “ชิงกระแส” ระหว่าง “พรรคส้ม-พรรคแดง” แต่เชื่อว่าศึกรอบนี้ “ขั้วประชาธิปไตย” ยังขยายฐานเสียงอีกด้วย
ขณะที่ “ขั้วอนุรักษนิยม” ที่ยามนี้เผชิญสถานการณ์กระแสนิยมหล่นวูบ ซ้ำเกิดอาการ “ซีกขวาอ่อนแรง” อันมีผลมาจากการ “ตัดแต้มกันเอง” ระหว่าง รวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์ ที่จ้องเจาะสนามเมืองหลวงเช่นเดียวกัน
ซ้ำร้ายยังมีการประเมินว่า ศึกเมืองหลวงรอบนี้พรรค “2 ลุง” คือพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ ที่แยกทางกันเดิน และแย่งคะแนนกันเอง มีโอกาสสูญพันธุ์สูง ขณะที่ประชาธิปัตย์ซึ่งยังพอมีฐานเสียงเลือกตั้ง สก.อยู่บ้าง อาจคว้าที่นั่ง ส.ส.ได้เพียงหลักเดียวเท่านั้น
แต่กระนั้นตัวเลขดังกล่าวยังต้องไปลุ้นกันที่กลุ่ม “พลังเงียบ” หรือ “ผู้ยังไม่ตัดสินใจ” ซึ่งมีมากถึง 1 ใน 3 ที่จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ต้องลุ้นว่า จะเทไปพรรคใดซีกใด
อดใจรออีกไม่นาน อีก 23 วันจะถึงวันชี้ชะตาการเมืองไทย และจะได้รู้กันว่า “33 ที่นั่งผู้แทน”เมืองหลวงรอบนี้ พรรคไหนจะ “วิน” หรือ “วืด” ?