‘แดง’ ตัด ‘ส้ม’ บ้านใหญ่ขอเป็น ‘ตาอยู่’
สูตรตาอยู่ จึงเป็นความหวังเดียวของบ้านใหญ่ ในสีเสื้อภูมิใจไทย พลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ ที่จะอยู่รอด ในวันที่พายุแห่งการเปลี่ยนแปลง พัดถล่มการเมืองไทย
โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง 2566 โพลทุกสำนักชี้ไปในทิศทางเดียวกัน พรรคเพื่อไทยนำโด่ง พรรคก้าวไกลไล่ตามมาติดๆ ส่วนพรรคในขั้วรัฐบาลเดิม ถูกทิ้งห่าง
จากกระแสโพล กระแสอุ๊งอิ๊ง-พิธาในกูเกิล เทรนด์ สะท้อนภาพการเมืองเก่า กำลังจะสูญพันธุ์ในการเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 แต่ในความเป็นจริงทางการเมือง อาจไม่ได้เป็นไปตามผลโพล โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด
ไม่ว่านักวิชาการสำนักไหน ก็ยอมรับว่า บ้านใหญ่ยังอยู่ หัวคะแนนยังมีบทบาท ยุทธปัจจัยยังใช้ได้ แต่ไม่ใช่สิ่งชี้ขาดผลแพ้-ชนะเหมือนในอดีต
ว่ากันตามโพล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งคือ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร อันดับสอง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีคะแนนสูสีกันมาก และอันดับสาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา แต่ก็ถูกสองคนแรกทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ
พรรคการเมืองที่มีนักการเมือง ‘บ้านใหญ่’ เต็มพรรค มีกระสุน แต่ไร้กระแส จะใช้กลยุทธ์แบบไหนให้ได้ ส.ส.เหมือนการเลือกตั้งปี 2562
ดังนั้น ผู้สมัคร ส.ส.ในพรรคที่ไม่มีกระแส จึงอาศัยกติกาบัตร 2 ใบ ดำเนินกลยุทธ์ “ขอ ส.ส.เขต” หมายถึงบัตร ส.ส.เขต ขอให้เลือกคนที่รัก ส่วนบัตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะเลือกพรรคไหนก็ได้
พูดง่ายๆ ทิ้งพรรคเอาตัวเองให้รอด ด้วยกลยุทธ์ขอ ส.ส.เขต ไม่ต้องสนใจว่า พรรคจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อกี่คน
ยิ่งพรรคก้าวไกลมาแรง ยิ่งตัดแต้มพรรคเพื่อไทย ก้าวไกลคือตัวจริงสกัดแผนแลนด์สไลด์ เพราะทั้งสองพรรค มีฐานคะแนนนิยมในฝั่งประชาธิปไตย นักการเมืองบ้านใหญ่ก็แอบหวังที่จะเป็นตาอยู่ เบียดแทรกเข้าป้าย
สมัยที่แล้ว มีกรณีศึกษา “ปากน้ำโมเดล” พรรคเพื่อไทย กับพรรคอนาคตใหม่ ตัดคะแนนกันเอง กลุ่มบ้านใหญ่อัศวเหม ในสีเสื้อพรรคพลังประชารัฐ จึงเป็นตัวสอดแทรกเข้าป้ายได้ถึง 5 เขต
ทั้งที่การเลือกตั้งปี 2544, 2548, 2550 และ 2554 กลุ่มบ้านใหญ่อัศวเหม พ่ายพรรคการเมืองของทักษิณ ชินวัตร มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นพรรคไทยรักไทย, พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย
พลันที่มีพรรคอนาคตใหม่มาแย่งชิงคะแนนจากพรรคเพื่อไทย ในสนามเลือกตั้งปากน้ำ จึงทำให้บ้านใหญ่อัศวเหม ได้เงยหน้าอ้าปาก
ยกตัวอย่างการเลือกตั้ง ส.ส.สมุทรปราการ 24 มี.ค.2565 มาให้ดูสัก 2 เขตเลือกตั้ง เริ่มจากเขต 1 (อ.เมืองสมุทรปราการ) พรรคอนาคตใหม่ ได้ 21,344 คะแนน เฉือนพรรคเพื่อไทย 21,121 คะแนน ส่วนผู้ชนะคือ อัครวัฒน์ อัศวเหม พรรคพลังประชารัฐ ได้ 34,668 คะแนน
เขต 2 (อ.เมือง) พรรคเพื่อไทย ได้ 31,655 คะแนน เหนือกว่าพรรคอนาคตใหม่ที่ได้ 30,366 คะแนน ผู้ชนะคือ ยงยุทธ สุวรรณบุตร พรรคพลังประชารัฐ ได้ 35,707คะแนน
หากนำคะแนนพรรค พท. กับพรรค อนค. มารวมกัน ก็จะพบว่า มีคะแนนมากกว่าพรรค พปชร.หรือบ้านใหญ่ปากน้ำ เกือบเท่าตัว
บ้านใหญ่อัศวเหม ใน พ.ศ.นี้ ก็ยังแอบหวังว่า จะมีสถานการณ์แดงตัดส้ม ส้มตัดแดง แล้วผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่มีฐานคะแนนอยู่ในมือ จะเป็นตาอยู่คว้าเก้าอี้ ส.ส.ไปครอง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปี 2562 บ้านใหญ่ปากน้ำ ได้กระแสความสงบจบที่ลุงตู่ มาช่วยเติมเขตละหลายพันแต้ม แต่ปีนี้ ไม่มีกระแสลุงตู่ แถมลุงป้อมก็เรตติ้งต่ำติดดิน การจะเป็นตาอยู่ ก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย
ดังนั้น กลุ่มบ้านใหญ่ที่จะเป็นตาอยู่ ก็ต้องสังกัดที่พอจะมีกระแสบ้าง อย่างกลุ่มบ้านใหม่เสี่ยเฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่น ที่ชลบุรี ในสนามเลือกตั้ง 10 เขต พรรคเพื่อไทย,พรรคก้าวไกล และพรรครวมไทยสร้างชาติ ต่างก็เป็นพรรคที่มีกระแส
พท.-กก. มีกระแสในฟากฝั่งเดียวกัน ปีกฝ่ายซ้ายเสรีนิยม ส่วน รทสช.ก็มีกระแสในปีกฝ่ายขวา โอกาสที่แดงตัดส้ม แล้วหวยจะมาออกที่ทีมเฮ้ง ก็มีสูง
พรรค กก.ในเมืองชล มีฐานคะแนนเดิมจากพรรค อนค. 2 แสนคะแนน บวกกับความแรงตามที่ปรากฏในนิด้าโพล ฉะนั้น พรรค กก.จึงเป็นคู่แข่งขั้วเดียวกับพรรค พท.หรือทีมบ้านใหญ่กำนันเป๊าะ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า กระแสเสื้อเหลืองเมืองชลยังมีอยู่ แม้จะไม่แรงเท่าการเลือกตั้งปี 2550 และ 2554 แต่ก็พอจะอุ้มผู้สมัครพรรคลุงตู่เข้าสภาฯได้บ้าง
สมรภูมินครปฐม บ้านใหญ่แก้วพิจิตร ที่สวมเสื้อพรรค รทสช. ลงสนาม ก็หวังปักธงที่เขต 1 ณัฐกร แก้วพิจิตร และเขต 2 พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร ซึ่งเป็นพื้นที่ อ.เมืองนครปฐม
บ้านใหญ่แก้วพิจิตร ก็คงใช้สูตรตาอยู่ รักษาฐานเสียงเดิมให้แน่น และให้พรรค พท. และพรรค กก. ตัดแต้มกันเอง
สมัยที่แล้ว ค่ายทักษิณลงสนามนครปฐม ในนามพรรคไทยรักษาชาติ เมื่อพรรคนี้โดนยุบ คะแนนจากคนเสื้อแดงนครปฐมก็เทไปที่พรรคอนาคตใหม่ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ล้มช้าง บ้านใหญ่สะสมทรัพย์สอบตกเกือบยกจังหวัด
โชคดีที่มีการนับคะแนนใหม่ ทำให้ พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร สอบผ่านหวุดหวิด แต่เที่ยวนี้ พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ส่งครบทุกเขต
ดังนั้น สูตรตาอยู่ จึงเป็นความหวังเดียวของบ้านใหญ่ ในสีเสื้อภูมิใจไทย พลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ ที่จะอยู่รอด ในวันที่พายุแห่งการเปลี่ยนแปลง พัดถล่มการเมืองไทย