"เศรษฐา" หาเสียงปทุมฯ ชู "ทุนใหญ่" จับมือ "เกษตรกร" -เลิกเกณฑ์ทหาร
"พท." จัดทัพใหญ่ ปราศรัยปทุมธานี "หมอมิ้ง" ย้ำจุดยืนสู้จริง ไม่กราบ ด้าน "ณัฐวุฒิ" ฉวยจังหวะ 2ลุงมีปัญหา ลงคะแนนให้ พท. เพื่อไล่ลุง ด้าน เศรษฐา ชูนโยบายทุนใหญ่ร่วมเกษตรกร หนุนส่งออก เลิกเกณฑ์ทหารภาคบังคับ
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการลงพื้นที่ปราศรัยของแกนนำเพื่อไทยในคณะของนาย เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่จ.ปทุมธานี พร้อมด้วย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานด้านนโยบายเศรษฐกิจ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส. ปทุมธานี ได้แก่ นายยุทธศักดิ์ ชูประเสริฐ ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี เขต 3 เบอร์ 2 , นายมนัสนันท์ หลีนวรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี เขต 5 คุณ เบอร์ 2 , นายยงยุทธ มั่นบุปพชาติ ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี เขต 7 เบอร์ 1
โดยการปราศรัยบนเวที นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า มีหลายคนบอกว่า พรรคเพื่อไทย สู้ไปกราบไป ตนขอยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยยืนหยัดในระบอบประชาธิปไตย เราต่อสู้ยืนหยัดกับฝ่ายประชาธิปไตย มาตั้งแต่ยุคไทยรักไทย จนถึงเพื่อไทย อดีต รมต.ของพรรคเพื่อไทยจำนวนมาก ถูกดำเนินคดี-คุมขัง สมาชิกพรรคจำนวนหนึ่ง บาดเจ็บล้มตาย ในช่วงหลังการรัฐประหาร ขอยืนยันว่าเรายังคงต่อสู้ในกติกาประชาธิปไตยโดยตลอด
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยส่งคนใหม่มาชิงเก้าอี้ ส.ส.ปทุมธานี เพราะคนเก่าเป็นงูเห่า ทั้งนี้นายยงยุทธ ผู้สมัคร ส.ส. คนใหม่ หากได้เป็น ส.ส. เข้าสภาจะไม่เลื้อยหนี ขณะที่การเลือกตั้งรอบนี้ คือ การเลือกอนาคตที่ดีกว่า หากปล่อยให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม อยู่ต่อเชื่อว่าบ้านเมืองจะไม่ดีกว่าเดิม พร้อมยกประเด็นพลเอกประยุทธ์ ตั้งน้องชายมาเป็น ส.ว. แต่ลาภารกิจมากกว่าทำงาน และย้ำว่า 14 พฤษภาคม ขอทวงอนาคตอำนาจคืน ทวงรัฐบาลประชาธิปไตย
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่าปัจจุบันประชาชนเผชิญปัญหาค่าไฟฟ้าแพง สะท้อนให้เห็นถึงการจัดการของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่มีปัญหา กรณีที่พรรครวมไทยสร้างชาติประกาศนโยบายบัตรสวัสดิการพลัส เดือนละ 1,000 บาท แต่ค่าไฟฟ้าแพงขึ้นเดือนละ 2,000 บาท ประชาชนเดือนร้อน แต่พรรคเพื่อไทยชูกระเป๋าเงินวอลเลท 10,000 บาทกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ใช้จ่ายได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด
"หากเลือกเพื่อไทยไม่ได้แค่ 10,000 บาทเท่านั้น แต่ยังได้การเติมเงินในครัวเรือนที่มีรายได้ต่อเดือนไม่ถึง 20,000 บาทเต็มให้ และค่าไฟค่าแก๊สจะลดราคาลงทันที ผมฟันธงหากนายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี 8 ปี ประชาชนหายจนไปนานแล้ว และหากรัฐบาลเพื่อไทยเป็นรัฐบาล 8 ปี ประเทศเจริญไปนานแล้ว" ณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มีปัญหาเพราะแย่งตำแหน่งนายกฯ ว่า ทั้ง 2 คน ตกลงอำนาจกันไม่ลงตัว และเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาต่อไปขอเพื่อไทยส่ง 2 ลุงกลับบ้าน ดังนั้นพรรคเพื่อไทยยืนยันจะไม่จับมือตั้งรัฐบาลกับคณะรัฐประหาร และตนขอย้ำอีกครั้งว่า
1.หากเพื่อไทยได้คะแนนอันดับหนึ่งไม่ว่ากี่เสียงเพื่อไทยต้องตั้งรัฐบาล
2.คนเพื่อไทยเท่านั้นต้องเป็นนายกรัฐมนตรี
และ 3.นโยบายหลักของเพื่อไทยต้องเป็นนโยบายหลัก
ขณะที่นายเศรษฐา ปราศรัยย้ำถึงนโยบายตอนหนึ่งว่า เราเป็นทุนนิยมที่มีหัวใจ ถ้ากลุ่มทุนใหญ่ หรือเกษตรกร สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข นายกรัฐมนตรีที่มาจากเพื่อไทยจะนำสินค้าจากเกษตรกรไปขายในประเทศต่างๆ ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่าภายใน 4 ปี ส่วนครอบครัวไหนที่มีรายได้ไม่ถึง 20,000 บาทหากได้เป็นรัฐบาลก็จะเติมให้ รวมถึงการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และคนจบปริญญาตรี ต้องมีเงินเดือนขั้นต่ำ 25,000 บาท ขณะที่คนไทยที่อายุ 16 ปีขึ้นไปจะได้รับเงิน 10,000 บาท จากนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล ส่วนคนที่ไม่อยากเกณฑ์ทหารพรรคเพื่อไทยจะเสนอนโยบายเกณฑ์ทหารด้วยความสมัครใจ เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการทำมาหากิน