“พิธา” แจงหมดแล้วปมบินกลับไทยปี 49 ขอ ปชช.อย่าสนใจเกมการเมืองสกปรก
“พิธา” ขอประชาชนอย่าสนใจเรื่องไม่เป็นเรื่อง กลหมากการเมืองสกปรก แจงหมดแล้วปมบินกลับไทยช่วงรัฐประหาร 49 ทั้งภาพ-สื่อนอกลงชัดเจน ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เดี๋ยวเข้าเกมเขา เผยให้ทีมงานก้าวไกลเริ่มเก็บข้อมูล ทั้ง อสม.เป็นหัวคะแนน-สารพัดความกังวลต่อ กกต.
เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2566 ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังแถลงโรดแมปรัฐบาลก้าวไกล ถึงความกังวลเกี่ยวกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการจัดเลือกตั้ง 2566 หรือไม่ว่า มีความกังวลอยู่ 4 ก้อนใหญ่ ทั้งเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ เรื่องในประเทศ และเรื่องต่างประเทศ โดยเรื่องใหญ่ ๆ กังวลเกี่ยวกับความสับสนในการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ไม่ถึง 1 เดือนที่ผ่านมา เรื่องบัตร 2 ใบแต่ละคนละเบอร์ อาจทำให้ประชาชน พ่อแก่แม่เฒ่าสับสน กังวลเรื่องไม่ประกาศหรือรับรอง ส.ส.หากไม่ครบ 475 คน ที่ต้องใช้เวลา 60 วัน โดยอาจเกิดการประวิงเวลา อาจมีการบริหารจัดการอะไรบางอย่างเหมือนปี 2562 ได้ ส่วนเรื่องเล็ก ๆ เช่น โลโก้ไม่ชัด ภาพสลับกัน เป็นต้น
นายพิธา กล่าวว่า ส่วนความกังวลในเรื่องต่างประเทศ มีหลายเรื่อง เช่น มีคนส่งข้อความมาให้เห็นว่ามีบัตรโหล พิมพ์มาไม่มีชื่อผู้สมัคร ไม่มีโลโก้ จากเดิมปกติต้องมีพิมพ์หรือเขียนตัวเลขว่าเป็นเล่มที่เท่าไหร่ พอถึงต่างประเทศกลับไม่มีตรงนี้อยู่ รวมถึงมีบางคนส่งข้อความมาโชว์ใบมรณบัตรของคุณยาย แต่คุณยายกลับมีชื่อและมีสิทธิในการเลือกตั้งครั้งนี้ หรือเรื่องเลือกตั้งล่วงหน้า หลายคนอ้างว่าถูกเจ้านายสั่งให้ไปเลือกตั้งล่วงหน้า เพราะไม่อยากให้ไปเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. โดยหลายเรื่องพรรคก้าวไกลกำลังให้ทีมกฎหมายตรวจสอบให้ชัดเจน ยังไม่สามารถกล่าวหา กกต.ได้
เมื่อถามว่า กังวลเรื่องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ออกมาอ้างว่า อสม.ในต่างจังหวัดเป็นหัวคะแนน เดินเคาะตามบ้าน เก็บรายชื่อให้พรรคการเมืองขนาดใหญ่ กระจายในหลายจังหวัด จนทำให้ กกต.ต้องออกหนังสือเตือนหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้ได้ยินมาตลอดว่า เริ่มจะมีการซื้อสิทธิขายเสียง และการใช้ตำแหน่งข้าราชการประจำในการช่วยหลาย ๆ พื้นที่ ตอนนี้ทีมงานพรรคก้าวไกลกำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่เช่นกัน และอาจประสานนายชูวิทย์เพื่อช่วยกันตรวจสอบ และระมัดระวังมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดียังคงเคารพ อสม.อยู่ ไม่ว่าจะเป็นช่วงการทำงานตอนโควิด-19 ก็ดี เชื่อว่าเขาคงเป็นอาสาสมัคร ใกล้ชิดชุมชนและประชาชน คงไม่ทำอะไรที่ทำให้ความเข้มแข็งของชุมชน หรือความเข้มแข็งของระบบประชาธิปไตยน้อยลง ไม่แน่ใจ กกต.กังวลสาเหตุอะไร แต่เข้าใจว่าประสบการณ์ตรงตอนเลือกตั้งซ่อม ช่วงโควิด-19 กำลังระบาด ประชาชนต้องใส่หน้ากากมาลงคะแนน อสม.ต้องมาประจำทุกคูหาเพื่อวัดไข้ก่อน แล้ว อสม.อาจรู้ในชุมชนว่าใครเป็นใคร จึงอาจเป็นสิ่งที่ต้องกังวล แม้ กกต.กังวลใจ แต่ตนไม่กังวลเพราะเชื่อใจ อสม.ทุกท่าน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีดราม่าเหตุการณ์บินกลับไทยช่วงรัฐประหารปี 2549 เพื่อมางานศพบิดา นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้ข้อเท็จจริงคือมางานศพไม่ทัน 3 วันแรกคือ 18-20 ก.ย. และมาทันในวันที่ 21-24 ก.ย. โดยสำนักข่าวต่างประเทศเขียนชัดเจนว่า เครื่องบินที่ตนบินมานั้นถึงไทยเมื่อวันที่ 21 ก.ย.เวลา 12.00 น. แต่ลงที่ดอนเมืองไม่ได้ เข้าใจว่าไปลงที่กองทัพอากาศ (ทอ.) และถูกกักตัวอยู่ 5-6 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นการที่มีคนเอามาเทียบกันว่าไม่ตรงกันต้องเรียนว่า มาทันคือ 3 วันสุดท้าย มาไม่ทันคือ 3 วันแรก ส่วนข้อกังวลที่มีคนระบุว่าเป็นเพื่อนบิดาตนบอกว่าเจอตนที่งานศพคืนแรกในวันที่ 18 ก.ย.นั้น ก็เห็นอยู่ว่าเครื่องบินมาถึงไทย 21 ก.ย. ดังนั้นในวันที่ 18 ก.ย.ตนยังอยู่สหรัฐอเมริกา
“ยืนยันข้อเท็จจริงว่า ที่เขาเคลมว่าเป็นเพื่อนพ่อ และเจอผมในงานศพวันแรก เป็นไปไม่ได้ เพราะเครื่องบินลงถึงไทย 21 ก.ย.จบแค่นั้น ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดเข้าเกมเขา ไม่จบไม่สิ้น ขณะที่เหลือ 10 กว่าวันจะเลือกตั้ง ขอโฟกัสตรงนั้น เรื่องกล่าวหามาเป็นไปไม่ได้ ผมมีรูปภาพยืนยัน ขอให้เข้าใจ” นายพิธา กล่าว
เมื่อถามว่า เรื่องตั้งแต่ปี 2549 แต่ถูกหยิบยกมาช่วงเวลานี้ เป็นจังหวะมีส่วนได้ส่วนเสียทางการเมือง นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องแรก และไม่ใช่เรื่องสุดท้ายของการเมืองไทย ขอให้ประชาชนอย่าสับสน อย่าเสียสมาธิกับการเลือกตั้งครั้งนี้กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง พรรคก้าวไกลในส่วนของตน นักการเมืองพร้อมได้รับการตรวจสอบ ไม่หวั่นไหว พร้อมเดินหน้าต่อ ไม่ว่าจะเจออะไรที่สกปรกขนาดนี้ ก็พร้อมสู้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการชี้แจงเรื่องไม่เป็นเรื่อง ไม่สนใจ เพราะนี่เป็นกลเม็ดทางการเมืองมีมาทุกยุค ตนไม่ใช่คนแรก หรือคนสุดท้ายที่โดน ฝากถึงประชาชน ผู้สมัครของพรรคก้าวไกล ให้ดำเนินการตามโรดแมปที่นำเสนอไป อย่าให้ประเด็นที่สัมภาษณ์วันนี้ กลบข่าวความพร้อมของพรรคก้าวไกลที่จะเป็นรัฐบาล วิงวอนสื่อมวลชน เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง
ส่วนกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะไปร้องประเด็นข้างต้นต่อ กกต.ในวันที่ 28 เม.ย.นี้ นายพิธา กล่าวว่า ฝากข้อความที่อธิบายไป และรูปภาพที่แสดงให้เห็นเรื่องดังกล่าว รวมถึงภาพเครื่องบินมาถึง ทอ. เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ให้นายศรีสุวรรณ เพราะตอนนี้เขาอาจมีข้อมูลไม่ครบ แต่เมื่อเห็นข้อมูลเหล่านี้แล้ว อาจเปลี่ยนใจไม่ไปยื่นก็ได้
ส่วนกรณีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกมาให้ความเห็นเรื่องนี้ว่าอย่าสร้างความเกลียดชังนั้น นายพิธา กล่าวว่า เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองทุกคน รวมถึงนายชัยวุฒิด้วย