“ธีรัจชัย” ฟาด ป.ป.ช.ยื้อเปิดข้อมูลคดีนาฬิกา “ประวิตร” ชี้ต้องปฏิรูปองค์กร
“ธีรัจชัย” ฟาด ป.ป.ช.ยึกยักเปิดข้อมูลคดีนาฬิกาเพื่อน “ประวิตร” ลั่นถ้าเลือกตัวเองเข้าสภา พร้อมกัดไม่ปล่อย เลือก “ก้าวไกล” เป็นรัฐบาล ลุยปฏิรูปที่มาองค์กรอิสระทุกแห่ง ยึดโยงประชาชน ปลื้มกระแสดี มั่นใจปักธงส้มหนองจอกได้
เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2566 นายธีรัจชัย พันธุมาศ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 18 (เขตหนองจอก เขตลาดกระบัง เขตมีนบุรี) พรรคก้าวไกล รณรงค์หาเสียงตั้งแต่ช่วงเช้ามืด โดยเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนในช่วง 05.00-08.00 น. เนื่องจากในเขตของตนมีหมู่บ้านจัดสรรจำนวนมาก จึงต้องใช้เวลาช่วงเช้ามืดเพื่อส่งพี่น้องประชาชนก่อนออกจากบ้านไปทำงาน จากนั้นลงพื้นที่ต่อเนื่องถึง 19.00 น. ของทุกวัน
นายธีรัจชัย กล่าวว่า พื้นที่ที่ตนลงสมัครรับเลือกตั้งนั้นมีความเป็นพหุวัฒนธรรม มีพี่น้องมุสลิมจำนวนมาก จึงต้องการผลักดันนโยบายเพื่อพี่น้องมุสลิม ไม่ว่าจะเป็น ปฏิรูปกิจการฮัจย์และอุมเราะห์ เพื่อให้ผู้แสวงบุญได้รับประโยชน์สูงสุด ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปประกอบพิธี เนื่องจากปัจจุบันค่าใช้จ่ายกิจการฮัจย์อยู่ที่ 200,000-270,000 บาท อุมเราะห์อยู่ที่ 60,000-65,000 บาท จากการตรวจสอบโดยคณะทำงานเพื่อพี่น้องมุสลิมของพรรคก้าวไกลพบว่า มีการผูกขาดการเดินทางจาก 2 สายการบิน หากเข้าไปแก้ไขแล้วทำให้เกิดการแข่งขัน เชื่อว่าค่าใช้จ่ายจะลดลงได้ นอกจากนี้ พร้อมแก้ไข พ.ร.บ.สุสานและฌาปนสถาน เพื่อลดขั้นตอนการขออนุญาตกุโบร์ (สุสาน) เสนอให้วันหยุดวันอีดเป็นวันหยุดราชการในพื้นที่ เช่นเดียวกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่ถือเป็นวันหยุดประจำศาสนา และเสนอให้มีสวัสดิการจากโรงพยาบาลรัฐในการสุหนัตฟรี เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและถูกต้องตามหลักของพี่น้องมุสลิม
นายธีรัจชัย กล่าวอีกว่า พรรคก้าวไกลเตรียมนโยบายสำหรับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ 300 นโยบาย ขอให้เชื่อมั่นในแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ต้นตอและแก้ทั้งระบบ เพราะรัฐบาลที่ผ่านมาแก้ปัญหาเฉพาะจุด มีนโยบายแจกเงินซึ่งไม่ยั่งยืน แต่รัฐสวัสดิการที่พรรคก้าวไกลตั้งใจผลักดันนั้นจะอยู่ตลอดไป เป็นสิทธิที่ประชาชนทุกช่วงวัยจะได้รับอย่างถ้วนหน้าเท่าเทียมกัน โดยที่ผ่านมาจากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนทุกวัน พบว่าพรรคก้าวไกลได้รับเสียงตอบรับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีประชาชนเข้ามาขอใบปลิวไปช่วยแจก บ้างก็นำน้ำดื่มมาร่วมสนับสนุนให้กำลังใจระหว่างการเดินหาเสียง เชื่อว่าเหลือเวลาอีก 15 วัน จะสามารถปักธงในเขตนี้ได้
นายธีรัจชัย กล่าวอีกว่า ต่อกรณีศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยรายงานการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวนคดี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรรับทราบในกรณีแหวนแม่นาฬิกาเพื่อน ธีรัจชัย ในฐานะอดีตโฆษกกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ข้อบกพร่องในชั้นการสอบสวนของ ป.ป.ช. คือการไม่ได้ตรวจสอบเชิงลึก เช่น Serial Number ของนาฬิกาหรู ป.ป.ช. สามารถส่งเรื่องไปสอบถามต่างประเทศได้ แต่กลับไม่ทำ จนสังคมตั้งคำถามว่า ป.ป.ช. เชื่อง่ายและจงใจเชื่อเกินไปหรือไม่ ทั้งนี้ ตนเคยย้ำในสภาฯ แล้วว่าตามหลักกฎหมาย มีเงื่อนไขมากมายที่ทำให้สามารถรื้อฟื้นคดีดังกล่าวได้ เพียงแต่ปัจจุบันการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเต็มไปด้วยความล่าช้า มีลักษณะประวิงเวลา ยังไม่นับว่าประธาน ป.ป.ช. มีความใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร และกรรมการ ป.ป.ช. ชุดปัจจุบัน ก็มาจากรัฐธรรมนูญ 2560 ที่มีกระบวนการแต่งตั้งโดย ส.ว. ที่มาจาก คสช. ทั้งหมดจึงทำให้สังคมขาดความเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.
นายธีรัจชัย กล่าวด้วยว่า ส่วนที่ล่าสุด กรรมการ ป.ป.ช. ประชุมและมีมติเสียงข้างมากว่าจะไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวและเห็นควรให้ทำหนังสือถึงศาลปกครองสูงสุดทบทวนว่าข้อมูลส่วนใดบ้างที่สามารถเปิดเผยได้และไม่สามารถเปิดเผยได้ ธีรัจชัยกล่าวว่า ในขณะที่ศาลปกครองทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา แต่ ป.ป.ช. ดูคล้ายพยายามประวิงเวลา ให้เรื่องนี้ผ่านพ้นช่วงเลือกตั้งไปก่อนหรือไม่
"ผมคิดว่า ป.ป.ช. ต้องเป็นแบบอย่างของความเที่ยงตรง ปราบปรามทุจริตและคอร์รัปชันให้องค์กรอื่นๆ ทำตาม แต่หาก ป.ป.ช. ไม่ทำ และมีอาการยึกยักแบบนี้ ต้องขอตั้งคำถามว่าความน่าเชื่อถือของ ป.ป.ช. ยังมีอยู่หรือไม่ หากเป็นเช่นนี้ ต้องขอโอกาสให้พรรคก้าวไกลเข้าไปเป็นรัฐบาล เพื่อจัดการปฏิรูปองค์กรอิสระ ให้มีที่มาที่เป็นที่ยอมรับ ยึดโยงประชาชน ไม่ถูกบั่นทอนความน่าเชื่อถือเช่นที่เป็นอยู่" นายธีรัจชัย กล่าว