ภท."ฝ่ากระแส-หลบกระสุน"กัญชา จับจังหวะ ลดเงื่อนไข"ร่วมรัฐบาล"
แม้เงื่อนไขพรรคภูมิใจไทยในการ “ร่วมรัฐบาล” คือการสนับสุนนโยบายกัญชา ทว่าถึงเวลาจริงอาจต้องไปลุ้นที่ตัวเลขส.ส.ภายใต้เดิมพันทำอย่างไรให้ได้เป็น "รัฐบาล" เสียก่อน
ฝันของ “ค่ายภูมิใจไทย” ในการตีตั๋วผู้แทนเข้าสภาให้ได้เกิน 100 หวังชิงเกมจัดตั้งรัฐบาล ตาม “อนุทินโพล” ยามนี้ดูเหมือนจะสวนทางกับคะแนนนิยมจากหลากหลายสำนัก ที่พบว่า คะแนนความนิยมภูมิใจไทยยังเป็นรองพรรคคู่แข่ง โดยเฉพาะ เพื่อไทย ก้าวไกล หรือแม้แต่รวมไทยสร้างชาติ พรรคขั้วอนุรักษ์นิยมด้วยกันอยู่หลายช่วงตัว
โค้งสุดท้าย สู่วันชี้ชะตาในอีก 10 กว่าวันข้างหน้า เสาเข็ม “ภูมิใจหนู” ดูเหมือนกำลังเผชิญแรงสั่นสะเทือนจากสารพัดปมร้อน-ประเด็นร้าว ที่ถูกตีขนาบข้างอย่างรอบทิศ
โดยเฉพาะศึกสายเขียวอย่างนโยบาย “กัญชา” ก่อนหน้านี้เจอ “กระแสลุงชู” ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ขย่มคะแนนนิยมรายวันด้วยการปลุกประชาชนไม่เลือกพรรคสนับสนุนกัญชา
ไม่กี่วันที่ผ่านมา “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ย้ำจุดยืนอย่างชัดเจน หลังการเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทยจะเสนอร่างพ.ร.บ.กัญชากลับเข้าไปในสภาฯทันที
“ถ้าใครจะมาร่วมกับพรรคภูมิใจไทย หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า ต้องสนับสนุนกฎหมายกัญชา” อนุทิน กล่าวเมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา
สวนทางกับหลากหลาย “ค่ายการเมือง” จนถึงนาทีนี้ ต่างฝ่ายต่างผสมโรงปลุกกระแส “ต้านกัญชา” ผ่านเวทีปราศรัย หวังผลแปรเปลี่ยนเป็นคะแนนนิยมตุนเข้ากระเป๋าตัวเอง
ทั้ง “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ย้ำชัด สนับสนุนกัญชาทางการแพทย์แต่ไม่เอากัญชาเสรี
ไม่ต่างจากพรรค “เพื่อไทย” ไม่กี่วันก่อน “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย นำทีมเหยียบถิ่นศรีสะเกษ และบุรีรัมย์บ้านเกิด “พี่ใหญ่ค่ายสีน้ำเงิน” เนวิน ชิดชอบ โดย 2 จังหวัดถือเป็น “กล่องดวงใจ” ของค่ายภูมิใจไทยที่หวังปักธง ส.ส.เพื่อใช้ตุนแต้มต่อรองภายหลังการเลือกตั้ง
เวทีดังกล่าว“เศรษฐา” ประกาศอย่างชัดเจน หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะกวาดล้างยาเสพติดให้สิ้นซาก และวอนอย่าเลือกพรรคการเมืองที่สนับสนุนกัญชาเสรี
ตอกย้ำด้วยคำปราศรัยที่จ.นครพนม เมื่อช่วงค่ำวันที่1พ.ค.ที่ผ่านมา “เศรษฐา”ปราศรัยย้ำอีกครั้งว่า
รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สามารถอยู่ได้โดยลำพังต้องอาศัยพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยนี่ ไม่เห็นหัวพี่น้องประชาชน นำกัญชาเสรีมามอมเมาพี่น้อง แล้วพอวันนี้มาเลือกตั้งก็มาบอกพี่น้องประชาชนว่า ส.ส.เขต ให้เลือกภูมิใจไทย ส.ส.พรรคให้เลือกเพื่อไทย พี่น้องต้องอย่าเชื่อ เพราะไม่อย่างนั้น พล.อ. ประยุทธ์จะกลับมาอีกครั้งแน่นอน
เกมปะทะฝีปากดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการตอกย้ำศึกริมฝั่งโขงโดยเฉพาะนครพนมอันถือเป็นสมรภูมิที่ขับเคี่ยวกันระหว่างเพื่อไทยและภูมิใจไทย
กระทั่ง "อนุทิน" ต้องออกมาตอบโต้แบบดุเดือดทวงถามไปถึงวุฒิภาวะในฐานะแคนดิเดตนายกฯ เปรียบเปรยว่าเป็นนายกฯอุปโลก
แต่ “ภูมิใจไทย” เองจำต้อง “ปรับแผน” เร่งปิดจ็อบ เกม “เขย่ารายวัน” ให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้นก็จะยิ่งเข้าทางคู่ต่อสู้ และเป็นฝ่ายของภูมิใจไทยเสียเองที่เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ
กลเกมค่ายสีน้ำเงินยามนี้ที่ผ่านมาพยายามเลี่ยงตอบโต้รายวัน เปลี่ยนมาเป็นการเปิดเวทีเสวนา
โดยดึงภาควิชาการ ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ หรือภาคเอ็นจีโอ ออกมาให้ความเห็น หวังเพิ่มน้ำหนักในการผลักดันนโยบายกัญชาในภายภาคหน้า ให้มีความสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกันยังต้องสกัด “แผนตัดแต้ม” ด้วยการ “ขยี้แผล” ไปยังพรรคคู่แข่งโดยเฉพาะ “เพื่อไทย” และ“ประชาธิปัตย์” ที่มีท่าทีขวางสุดลิ่ม โดยฟ้องดังๆ ว่า คู่แข่งเองก็มีแผลไม่แพ้กัน
โดยเฉพาะการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา ในชั้นกมธ.วิสามัญ กมธ.พรรคไหนหนอ? เสนอแนวคิดแบบ “สุดโต่ง” ยิ่งกว่าพรรคภูมิใจไทยเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นการจัดฟูลมูน การจัดโซนนิ่งเพื่อใช้กัญชาเสรี หรือการนำกัญชาไปใช้เพื่อการสันทนาการ เป็นต้น
จุดนี้จึงเป็นจังหวะที่ “ค่ายภูมิใจไทย” จำต้องเร่งชิงเกมปิดจ็อบในช่วงเวลาราว 10 วันที่เหลือให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้น ก็จะกลับกลายเป็นฝ่ายภูมิใจไทยเองที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ สูญเสียคะแนนนิยมเสียเอง
ย้อนสถิติการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 เวลานั้น ภูมิใจไทยถือว่าประสบความสำเร็จแบบเหนือความคาดหมาย หลังกวาดตัวเลข ส.ส. อัพเกรดจากพรรคเล็ก ขึ้นแท่นพรรคขนาดกลาง ด้วยจำนวน ส.ส.51 คน มาเป็นลำดับที่ 5 ทิ้งห่างลำดับที่ 4 คือ พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเคยเป็นพรรคขนาดใหญ่เดิม ด้วยส่วนต่างตัวเลข “ป็อบปูลาร์โหวต” เพียง 2 แสนคะแนน ขณะที่ส่วนต่าง ส.ส.เขต ก็มีน้อยกว่าเพียง 2 ที่นั่งเท่านั้น
มีการมองว่า เหตุที่ภูมิใจไทยได้ ส.ส.แบบเต็มไม้เต็มมือในครั้งนั้น ส่วนหนึ่งมากจากนโยบายที่ฉีกกฎ โดยเฉพาะนโยบายกัญชาที่โดนใจชาวสายเขียวที่มีจำนวนไม่น้อย
ทว่า ผ่านไป 4 ปี นโยบายกัญชายามนี้ กลับแปรเปลี่ยนเป็นเสมือนกระสุนที่สาดมายัง “ค่ายสีน้ำเงิน” แบบไม่หยุดหย่อน คุ้มดีคุ้มร้ายจะส่งผลไปถึงการชิงกระแสนิยมอีกด้วย
ยังไม่นับรวมหลากหลายปมร้อน ทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม หรือบรรดาคดีความของบรรดา “บิ๊กสีน้ำเงิน” ที่กำลังถูกรุมกินโต๊ะยื่นตรวจสอบในช่วงที่ผ่านมา
เรื่องร้อนต่างๆ เหล่านี้ “บิ๊กสีน้ำเงิน” ย่อมรู้ดีว่า เรตติ้งกำลังเริ่มลดน้อยถอยลง จากเดิมที่วาดฝันตีตั๋วผู้แทนเกิน 100 ขยับเป็นพรรคแกนนำ ถึงเวลานี้อาจต้องเตรียมเกมรับ-ปรับแผนสู้ โดยเฉพาะสูตรในการ “จับขั้ว” ที่ต้องไปลุ้นตัวเลข ส.ส.ในอีกราว 10 วันข้างหน้า ไม่เว้นแม้แต่สูตรจับมือพรรคเพื่อไทย ที่ใครต่อใครอาจมองว่าเป็นไปไม่ได้
จากท่าที “อนุทิน” ให้สัมภาษณ์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทอดสะพานไปถึง “คนแดนไกล” ขอให้ 2 พรรคลืมเรื่องบาดหมางในอดีต โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่าง “เนวิน ชิดชอบ” นายใหญ่ภูมิใจไทย และ “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่เพื่อไทย
จริงอยู่ที่ "สูตรจับขั้วรัฐบาล" รอบนี้ “ภูมิใจไทย” ยื่น 2 เงื่อนไขในการ “ร่วมรัฐบาล” ทั้งการสนับสนุน พ.ร.บ.กัญชา รวมถึงนโยบายกัญชา หรือการคัดค้านแก้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งอาจเป็นเพียง ความพยายามโชว์จุดยืนในโค้งสุดท้าย ในสถานการณ์ที่กระแสกำลังจะเลือกข้าง
เมื่อถึงเวลาจริง ตัวเลขไม่ถึงเป้าหมาย เงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้อาจลดเพดาน ไม่เหลือข้อแม้ใดๆ นอกจากขอเพียงภูมิใจไทยได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล แล้วค่อยไปเคลียร์แฟนคลับเอาทีหลัง