โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง ชี้ชะตาอนาคตประเทศไทย
ปัญหาหลายปัญหาที่คนไทยกำลังเผชิญไม่สามารถแก้ไขได้ในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมา จึงทำให้คาดหวังว่ารัฐบาลใหม่จะเข้ามาแก้ปัญหาได้ ขอให้นักการเมืองจดจำคำพูดของตัวอย่างไว้ให้ดี อย่าทำตัวเป็นคนที่ดีแต่พูด
นับถอยหลังวันที่ 14 พ.ค.2566 ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อหาพรรคที่จะมาจัดตั้งรัฐบาลและเลือกนายกรัฐมนตรีในการบริหารประเทศ โดยถ้าไม่มีอุบัติเหตุทางการเมืองจะทำให้รัฐบาลใหม่และนายกรัฐมนตรีคนใหม่รับภาระขับเคลื่อนประเทศไทยในปี 2566-2570 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศกำลังฟื้นจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผบกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง ในขณะที่ประเทศไทยยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยอื่นที่รัฐบาลใหม่ต้องวางแผนรับมือ เช่น เศรษฐกิจโลกถดถอย ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์
การเลือกตั้งครั้งนี้มีเวทีดีเบตนโยบายการเลือกตั้งหลายเวทีไม่ว่าจะเป็นเวทีของสื่อมวลชน เวทีขององค์กรเอกชน เวทีขององค์กรภาคประชาชน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจและความคาดหวังต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะการเปิดเวทีดีเบตนโยบายของพรรคการเมืองที่ครอบคลุมในหลายประเด็นที่กำลังเป็นปัญหาของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นนโยายด้านเศรษฐกิจ นโยบายการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน นโยบายด้านการขนส่งมวลชน นโยบายด้านสังคม นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม นโยบายด้านสวัสดิการสังคม นโยบายด้านการเกษตร
ขณะที่ทุกพรรคการเมืองเร่งหาเสียงอย่างเต็มที่ รวมถึงการประกาศนโยบายหาเสียงที่เน้นการแจกเงินอย่างถล่มทลาย ทั้งการแจกเงินให้กับประชาชนทุกกลุ่ม การแจกเงินให้กับประชาชนเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มผู้สูงอายุ และมีการนำเสนอนโยบายในเชิงประชานิยม เช่น การเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ โดยหลายพรรคการเมืองมีคำอธิบายของนโยบายถึงที่มางบประมาณได้ชัดเจน แต่หลายพรรคก็ยังไม่สามารถอธิบายจุดนี้ได้ ก็ได้แต่หวังว่าพรรคการเมืองเมื่อได้จัดตั้งรัฐบาลแล้วจะกำหนดนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่สมเหตุสมผล
ปัญหาหลายปัญหาที่คนไทยกำลังเผชิญไม่สามารถแก้ไขได้ในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมา จึงทำให้คาดหวังว่ารัฐบาลใหม่จะเข้ามาแก้ปัญหาได้ โดยเฉพาะปัญหาที่ต้องร่วมมือกับหลายกระทรวงที่เป็นจุดอ่อนของไทยในการทำงานแบบบูรณาการ เช่น ปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 ที่เป็นปัญหาต่อเนื่องมาหลายปี และแม้จะมีการประกาศเป็นวาระแห่งชาติแต่ดูเหมือนว่ายังแก้ไขไม่สำเร็จ รวมถึงปัญหาที่คนไทยกำลังเผชิญจากผลกระทบค่าไฟฟ้าแพง ซึ่งเป็นปัญหาจากการกำหนดโครงสร้างการผลิตไฟฟ้าของไทยที่มีต้นทุนแฝง ทำให้ช่วงนี้มีข้อเสนอให้เจรจาผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนให้แก้ไขสัญญารับซ์้อไฟฟ้าเพื่อหาทางช่วยประชาชน แต่ดูเหมือนว่าภาครัฐเองเป็นฝ่ายเกรงกลัวการเจรจาแก้สัญญา ด้วยการเปิดเผยข้อมูลที่ที่รัฐถูกฟ้องร้องจากการแก้ไขสัญญา
หลายพรรคการเมืองประกาศตัวว่าจะแก้ปัญหายากๆเหล่านี้ ขอให้นักการเมืองจดจำคำพูดของตัวอย่างไว้ให้ดี อย่าทำตัวเป็นคนที่ดีแต่พูด พูดเพื่อให้ได้คะแนนนิยมโดยปราศจากความจริใจในการแก้ไขปัญหาของประเทศ รวมถึงนักการเมืองที่เอื้อผลประโยชน์ให้กับกลุ่มคนเฉพาะกลุ่ม เช่น บริษัทเอกชน ซึ่งหลายปัญหาที่สร้างความยากลำบากให้กับระชาชนส่วนหนึ่งมาจากการเอื้อผลประโยชน์ให้กับกลุ่มคนเฉพาะกลุ่ม ดังนั้น นักการเมืองที่มีนิสัยเช่นนี้นอกจากจะไม่สร้างผลงานที่ยั่งยืนให้กับประเทศชาติแล้ว ยังเป็นนักการเมืองที่ควรบันทึกในประวัติศาสตร์ไว้ว่าไม่สร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศ