"ชาติพัฒนากล้า" ชู "กรณ์" คืนเก้าอี้ ขุนคลัง - สู้ทุนพลังงาน-ทุนผูกขาด

"ชาติพัฒนากล้า" ชู "กรณ์" คืนเก้าอี้ ขุนคลัง - สู้ทุนพลังงาน-ทุนผูกขาด

"ชพก." ปราศรัยทิ้งทวนหาเสียง กทม. ชู "กรณ์" เหมาะเป็นผู้นำประเทศ ยกให้เป็น รมว.คลังที่ดีที่สุด ประกาศสู้ทุนผูกขาด-ทุนพลังงาน ลั่น ปชช. อย่าเลือก รมว.ขี้ขลาด-แกล้งโง่

พรรคชาติพัฒนากล้า นำโดย นายกรณ์​ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคและแคนดิเดต นายกฯ , นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค, นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค, นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พร้อมกับ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคชาติพัฒนากล้า ทั้ง 33 เขต ร่วมเปิดเวทีปราศรัยที่ คอนเวชั่น ฮอล   โรงแรมรามาการ์เดนส์ เพื่อหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม ซึ่งเวทีดังกล่าวใช้หัวข้อว่า “ร่วมสร้างประเทศแห่งโอกาส” ประกาศ สู้ทุนผูกขาด เศรษฐกิจต้องเรา เพื่อให้คนไทย งานดี มมีเงิน ของไม่แพง

 

สำหรับบรรยากศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนที่สนับสนุนพรรคชาติพัฒนากล้า และผู้สมัคร ส.ส. เข้าฟังการปราศรัยจนเต็มสถานที่จัดงาน

\"ชาติพัฒนากล้า\" ชู \"กรณ์\" คืนเก้าอี้ ขุนคลัง - สู้ทุนพลังงาน-ทุนผูกขาด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงแรกของเวทีปราศรัย ได้ให้ตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรค ขึ้นปราศรัย ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าการปราศรัยได้เน้นย้ำถึงนโยบายของพรรคว่าด้วยการต่อสู้กับทุนผูกขาด พร้อมชูนายกรณ์ เป็นผู้นำพรรคที่ให้โอกาสตัวแทนคนรุ่นใหม่, ตัวแทนคนจนเมืองเข้ามาทำงานการเมืองและลงเลือกตั้งซึ่งแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น

\"ชาติพัฒนากล้า\" ชู \"กรณ์\" คืนเก้าอี้ ขุนคลัง - สู้ทุนพลังงาน-ทุนผูกขาด

ทั้งนี้นายวรนัยน์ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า นายกรณ์เป็นคนที่เปิดโอกาสให้สมาชิกพรรคที่มีความเห็นหลากหลายในการแสดงความเห็น สะท้อนให้เห็นภาวะผู้นำที่จะนำคนทั้งประเทศไปข้างหน้า พร้อมย้ำถึงชุดนโยบายเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและทุนผูกขาดของพรรคที่เชื่อมั่นว่าจะทำให้เศรษฐกิจ และประเทศพัฒนา ดังนั้นวันเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม ขอให้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งและเลือกเบอร์ 14

\"ชาติพัฒนากล้า\" ชู \"กรณ์\" คืนเก้าอี้ ขุนคลัง - สู้ทุนพลังงาน-ทุนผูกขาด

ขณะที่นายวรวุฒิ ปราศรัยย้ำว่านโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้ามาจากคนที่มีประสบการณ์ทำงานจริง นโยบายของพรรคการเมืองที่ประกาศเชื่อว่าทำไม่ได้ เพราะจะติดขัดข้อกฎหมาย แต่ของพรรคชาติพัฒนากล้าทำได้จริง อย่างไรก็ดีในการทำนโยบายของพรรค นายกรณ์ และนายอรรถวิชช์ จะซักถามละเอียด มีผลกระทบกับประชาชนหรือไม่ ซึ่งสมกับที่นายกรณ์เป็นรมว.คลังมาก่อน

ทางด้าน นายอรรถวิชช์ กล่าวว่าสาเหตุที่ค่าไฟแพง เกิดจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ลงนามสำรองไฟฟ้าไว้ ต่อมาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ที่ไม่ยกเลิกและมีแนวโน้มสนับสนุนทุนผูกขาด เช่นเดียวกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รมว.พลังงาน ฐานะผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 2 สิ่งที่ค่าไฟ ทำโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ทำให้มีการสำรองไฟฟ้าเกินจำเป็น และค่าไฟแพงเกินจำเป็นเพราะเกรงใจนายทุน

 

“อย่าเลือกรมว.พลังงานที่แกล้งโง่ หรือขี้ขลาด กระทรวงนี้มีความผิดปกติทุกรอบ ทั้งการส่งมอบท่อแก๊สคืน เป็นช่วงรอยต่อรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และกระทรวงนี้ข้าราชการใหญ่กว่ารัฐมนตรี หากให้มีรัฐมนตรีน่อมแน้มเสร็จข้าราชการหมด บางทีบางคนอยู่กระทรวงนี้ มีหน้าที่เป็นบอร์ดเอกชนพลังงาน ทำให้นั่งเป็น รัฐมนตรี แต่พฤติกรรมเหมือนซีอีโอบริษัทพลังงาน ทุนพลังงานแบบนี้ต้องทุบ เพราะเป็นต้นตอสินค้าแพง กระทรวงนี้บอกไว้ก่อนว่า หากคนโง่ แกล้งโง่ ขี้ขลาดไม่ต้องอยู่กระทรวงนี้” นายอรรถวิชช์ กล่าว

 

นายอรรถวิชช์ กล่าวด้วยว่าสำหรับนโยบายแก้ปัญหาสินเชื่อยกเลิกแบล็กลิสต์ ทีพรรคนำเสนอพบว่านายธนาคารไม่เห็นด้วย ทั้งที่นายกรณ์เป็น รมว.คลังที่ดีที่สุดในโลก ดังนั้นหากนายกรณ์ได้เป็นรมว.คลังจะดำเนินการเรื่องดังกล่าวเพื่อสร้างโอกาสที่เท่าเทียมให้กับคนที่ไม่ได้เคยได้รับโอกาส

 

"ผมอยากเห็นประเทศเป็นประเทศโอกาส ซึ่งโอกาสนิยม สำคัญกว่าประชานิยม หากสร้างบรรยากาศการแข่งขัน ให้โอกาสคนตัวเล็ก จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศนี้ ผมตัดสินใจว่าไม่ตกอยู่ในวังวนความขัดแย้งของสีต่างๆ วันนี้ทุกพรรคปราศรัย บอกว่าหากกลัวทักษิณ ชินวัตร หรือ คนปฏิวัติ ให้เลือกพรรคตรงข้าม แต่ลืมหรือไม่ว่า นี่คือการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย แต่ที่พูดถึงคือ เรื่องอดีต มีหรือไม่ที่สู้ทุนผูกขาดไม่ใช่หากินกับความขัดแย้ง" นายอรรถวิชช์ กล่าว