"ประยุทธ์" ขึ้นรถแห่ กทม. ขอไปใช้สิทธิเลือกคนที่ชอบ เดินหน้าประเทศไทย
ไม่เหนื่อยสักนิด! "ประยุทธ์" พาทีมช้างศึกขึ้นรถแห่ กทม.ขอให้ทุกคน ออกไปใช้สิทธิ์วันพรุ่งนี้เลือกคนที่รักที่ชอบเพื่อเดินหน้าประเทศไทย แต่อย่าลืมเบอร์ 22 และเบอร์เขตของพรรครวมไทยสร้างชาติ
เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2566 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พร้อมนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค และผู้บริหารพรรค ได้เดินทางมาสมทบกับคณะของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ขึ้นรถแห่หาเสียง
หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทั่วประเทศ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีสีหน้าที่แจ่มใส แม้ว่าที่ผ่านมาจะเดินทางหาเสียง ท่ามกลางอากาศร้อนและฝนตกไปทั่วประเทศ รวมทั้งปราศรัย ในทุกเวทีที่เดินทางไป ทั้งนี้ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์และคณะ ขึ้นรถแห่หาเสียง ที่ร้านศรแดง บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีประชาชนมา ส่งเสียงเชียร์ และขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ สู้เพื่อคนไทยต่อไป พร้อมมอบดอกไม้เป็นกำลังใจ โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม ไม่มีท่าทีเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อน ขึ้นรถแห่ว่า พูดมาหลายวันแล้ววันนี้เป็นวันสุดท้าย เป็นวันสำคัญของคนไทย ขอวิงวอน ขอร้องให้คนไทยทุกคน ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ทุกที่ทั่วประเทศไทย เพราะนี่คือการเดินหน้าประเทศไทย ขอให้เลือกพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย ทั้งเขตและทั้งพรรค ขอให้ทุกคนออกไปลงมติโดยพร้อมเพรียงกัน อยากให้รู้ว่าบ้านเมืองของเราก็มีอะไรที่ดีอยู่แล้วแล้วเราก็จะทำต่อ เราไม่จำเป็นต้องรื้อบ้านหลังใหญ่เพื่อสร้างหลังใหม่ไม่จำเป็นต้องรื้อประเทศไทย เราสามารถทำทุกอย่างให้ดีขึ้นได้ พรรครวมไทยสร้างชาติทำเพื่อทุกคนอยู่แล้วแบ่งแยกไม่ได้
พรุ่งนี้ถึงอากาศจะไม่เป็นใจแต่เชื่อว่าถ้าทุกคนตั้งใจก็ไม่เป็นอุปสรรค ฝนฟ้าถ้าตกก็มีวันหยุด แต่หากทำบ้านเมืองให้เสียหายต่อไปมันจะไม่หยุด ตอนนี้ปัญหาบ้านเมืองมีเยอะไม่มีใครจะแก้ได้นอกจากคนไทย เพื่อให้บ้านเมืองสงบร่มเย็น ขอร้องให้ทุกคนไปเลือกตั้ง
หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นรถแห่พร้อมกล่าวปราศรัยด้วยตัวเอง พร้อมระบุว่าวันนี้ขอโอกาสมาพบประชาชนอีกครั้งหนึ่งเพราะเป็นโค้งสุดท้าย ที่จะเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้แล้วขอให้ชาวกทมออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อย่างพร้อมเพียงกัน เพราะถือเป็นการเดินหน้า ประเทศไทยไปด้วยกัน อย่าทำให้เกิดการแตกแยก ก่อนจะแวะลงกราบสักการะพระประธานภายในวัดชนะสงคราม และเดินทางต่อ โดยมีประชาชนชาว กทม. ให้กำลังใจโบกมือส่งเสียงเชียร์ตลอดเส้นทาง