สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง ต้องสัมผัสได้ ไม่ใช่แค่กลิ่น
“พรรคก้าวไกล” ได้คะแนนเสียงท่วมท้น สะท้อนให้เห็นว่า “คนไทย” โหยหา “สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง” แต่ยังตอบยากว่า “สายลม” นั้นจะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้แค่ไหน เพราะแม้ว่าแต่ละนโยบายจะดี แต่ในทางปฏิบัติยังมีคำถาม
ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับ “พรรคก้าวไกล” ที่ได้คะแนนเสียงอย่างท่วมท้นจากการเลือกตั้งในครั้งนี้ แม้ก่อนการเลือกตั้งพรรคสีส้มนี้ถูกจับตามองเป็นพิเศษว่าอาจมีทีเด็ดสร้าง “การเปลี่ยนแปลง” ให้กับประเทศไทย แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะแรงถึงขนาดแซงพรรค “เต็งหนึ่ง” อย่าง “เพื่อไทย” ขึ้นมาได้สำเร็จ สะท้อนให้เห็นว่า “คนไทย” โหยหา “สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง”
...แต่ ณ เวลานี้ยังตอบยากว่า “สายลม” ที่คนไทยเสียงส่วนใหญ่ของประเทศคาดหวังไว้ จะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้มากน้อยแค่ไหน ท่ามกลางอุณหภูมิการเมืองที่ร้อนอบอ้าว
อย่างไรก็ตาม เราอยากชวนไปดูนโยบายเศรษฐกิจที่ “พรรคก้าวไกล” ได้หาเสียงเอาไว้ในช่วงก่อนเลือกตั้ง โดยเฉพาะนโยบายที่คาดว่าจะหยิบมาทำก่อนช่วง 100 วันแรก เพื่อดูว่าจะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับเศรษฐกิจและปากท้องของคนไทยอย่างไรบ้าง
...เริ่มแรกเลย คือ “ค่าไฟแฟร์” ลดก่อนทันที 70 สตางค์ต่อหน่วย ผ่านบันได 5 ขั้น ซึ่งถ้าฟังจากคำอธิบายของทางพรรคแล้ว ดูยังเป็นไปได้ค่อนข้างยาก แต่ถ้าทำได้ก็นับเป็นความหวังของคนไทยไม่น้อย
นโยบายเพิ่มค่าแรงทันทีเป็น 450 บาทต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันราว 40% และต้องทำงานไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ถ้าเกินกว่านี้ต้องมีค่า “โอที” ให้เพิ่ม นับเป็นอีกหนึ่งสายลมที่แรงงานทั่วประเทศโหยหา เพราะจะยกระดับความเป็นอยู่ให้กลุ่มแรงงานเพิ่มอีกหลายสเต็ป
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า นักวิชาการและนักเศรษฐศาสตร์ ค่อนข้างห่วงกับนโยบายนี้ เพราะเกรงว่าสุดท้ายจะเป็นการย้อนศรกลับมาทำลายเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ไม่สามารถแบกรับต้นทุนไหว และต้องปิดตัวไปในท้ายที่สุด ทางออกที่ให้ไว้ คือ ทยอยปรับขึ้นน่าจะเหมาะสมที่สุด
อีกนโยบายที่เราเห็นว่าดีงามและควรผลักดันอย่างสุดความสามารถ คือ “การประกาศสงครามหนี้นอกระบบ” ซึ่งเวลานี้คนไทยจำนวนไม่น้อยทุกข์ยากสาหัสจากภาระหนี้ท่วมหัว บางคนมีความจำเป็นต้องใช้เงิน ซึ่งมูลหนี้ไม่ได้สูงแต่กู้ในระบบไม่ได้ ต้องพึ่งพานอกระบบที่โขกดอกเบี้ยสูงลิ่ว
จนสุดท้ายภาระดอกเบี้ยแซงเงินต้นไปหลายเท่า กลายเป็นคนมีหนี้ท่วมหัวได้แต่ทำงานขัดดอก แต่การแก้ปัญหาก็ไม่ง่าย เพราะที่ผ่านมาทั้งภาครัฐและเอกชนงัดสารพัดวิธีเพื่อแก้ปัญหานี้ แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า เราจึงหวังว่าสายลมนี้จะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้สักที
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายนโยบายที่เราเห็นว่าดี น่าจะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศได้ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายหนี้สินธนาคารรัฐ จ่ายดี ลดดอกเบี้ย, ปรับปรุงกฎหมายแข่งขันทางการค้า, เติมทุนให้เอสเอ็มอี รวมไปถึงนโยบายรัฐสวัสดิการ จ่ายเงินเดือนผู้สูงวัยเดือนละ 3 พันบาท
ทั้งหมดล้วนเป็นนโยบายที่ดี แต่ในทางปฏิบัติยังมีคำถามอีกมากมายและออกจะดูเป็นการขายฝันหน่อยๆ ...เราเชื่อว่าคนไทยเสียงส่วนใหญ่ของประเทศอยาก “สัมผัส” สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง มากกว่าแค่การ “ได้กลิ่น” ดังนั้นโจทย์ใหญ่ของพรรคก้าวไกลหลังจากนี้ คือ ทำการบ้านที่สัญญาไว้ให้สำเร็จ!