คุก “จตุพร” 1 ปี 12 เดือนคดีบุกบ้านสี่เสาฯ ยื่น 2 แสนขอปล่อยตัวชั้นอุทธรณ์
ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาคดีบุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ปี 50 สำนวน 2 สั่งจำคุก “จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตประธาน นปช. 1 ปี 12 เดือน เจ้าตัวยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวชั้นอุทธรณ์ 2 แสนบาท ยกฟ้องจำเลยที่ 2 เหตุพยานหลักฐานไม่ชัด
เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2566 ที่ห้องพิจารณาคดี 903 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีชุมนุมปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อครั้งเป็นบ้านพัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ (สำนวนที่สอง) คดีหมายเลขดำ อ.2799/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และ นายศราวุธ หลงเส็ง ผู้ชุมนุม นปช. เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคสอง, 215, 216
คดีนี้อัยการยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2557 ระบุพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2550 แกนนำและแนวร่วม นปช. นำขบวนผู้ชุมนุมหลายพันคนจากเวทีปราศรัย บริเวณท้องสนามหลวงไปยังบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เพื่อเรียกร้องกดดันให้ พล.อ.เปรม ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากพวกจำเลย และกลุ่มผู้ชุมนุมเห็นว่า พล.อ.เปรม อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น)
เบื้องต้นนายจตุพร จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ แต่ระหว่างการพิจารณา ขอกลับคำให้การจากเดิมเป็นรับสารภาพ และได้รับการประกันตัว
วันนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานและข้อเท็จจริง วินิจฉัยได้ว่า นายจตุพร จำเลยที่ 1 มีพฤติการณ์เป็นแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการในเวลานั้น นำมวลชนเคลื่อนขบวนไปยังบ้านสี่เสาเทเวศร์จริง รวมทั้งได้พูดปลุกระดมปราศรัยโจมตี พล.อ.เปรม และปลุกระดมให้ประชาชนทำลายเครื่องกีดขวางและทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันการความวุ่นวายกับคุกคามสิทธิเสรีภาพของ พล.อ.เปรม
จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานผู้สนับสนุนให้เกิดการมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ และสนับสนุนให้ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย ต้องโทษจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา อย่างไรก็ตาม จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ศาลจึงพิจารณาบรรเทาโทษ ให้ลดโทษจำคุกเหลือ 1 ปี 12 เดือน
ส่วนจำเลยที่ 2 นายศราวุธ หลงเส็ง ศาลพิจารณาเห็นว่า พยานหลักฐาน ฝ่ายโจทก์ ที่กล่าวอ้างว่า จำเลยที่ 2 ได้ขับรถพุ่งชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในข้อนี้ยังฟังไม่ขึ้น เนื่องจากพยานบุคคลให้การไม่ชัดเจนและข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เพียงแค่ขับรถเข้าไปในพื้นที่ชุมนุมเท่านั้น ไม่มีพยานหลักฐานชี้ชัดว่าจำเลยที่ 2 มีส่วนร่วมใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ หรือต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย ศาลพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2
ภายหลังอ่านคำพิพากษา เจ้าหน้าที่นำตัว นายจตุพร ลงไปรอฟังคำสั่งคำร้องขอประกันตัวที่ห้องควบคุมตัวใต้ศาลอาญา โดยนายจตุพร กล่าวกับผู้สื่อข่าวสั้น ๆ ว่า เป็นไปตามที่คาดหมาย ไม่ได้รู้สึกกังวลหรือหนักใจ เพราะผ่านการติดคุกมาแล้วถึง 5 ครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ทั้งนี้นายจตุพรมมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มและผ่อนคลาย ส่วนทนายความของนายจตุพร กล่าวว่า เตรียมยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวนายจตุพร จำนวน 200,000 บาท และเตรียมยื่นต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป
ทั้งนี้ก่อนเข้าฟังคำพิพากษา นายจตุพร กล่าวว่า ไม่มีความกังวลเพราะยังไงก็จำคุกอยู่แล้ว ในสำนวนแรกสารภาพในชั้นฎีกาซึ่งทำไม่ได้ ตนได้เคยโทรศัพท์ขอกราบอโหสิกรรมกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ นี่คือโลกแห่งความเป็นเป็นจริงมนุษย์เรามีทั้งเรื่องที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพราะฉะนั้นคดีนี้จำเลยเหลือ 7 คนแต่ว่าคดีขาดอายุความไป 5 เหลืออยู่ 2 คน รอคดีแรกให้ยุติ ถึงจะพิจารณาสำนวน2 ตนไม่สู้คดีอยู่แล้ว ยอมรับความจริง น้อมรับคำพิพากษาของศาล และก็จะยื่นอุทธรณ์และใช้หลักทรัพย์เดิม จำนวน 300,000 บาท วันนี้ตนไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด แม้ตนจะมีความไม่เห็นไม่ตรงกับนายทักษิน ชินวัตร ในการหาเสียงที่ผ่านมาตนได้วิจารณ์ทุกฝ่าย ทำหน้าที่ฐานะประชาชนหาทางออกให้บ้านเมือง ตนเคยบอกให้ทุกฝ่ายต้องหลอมรวมกันต้องคุยกันไม่งั้นเราจะมาเจอกับด่าน สว.ด่านรัฐธรรมนูญ กับดักมากมาย ให้ทำสัญญาประชาคมร่วมกันทุกฝ่ายทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านจะมีทางออกร่วมกัน จนกระทั่งมีโอกาสที่จะลงเดินท้องถนนกันใหม่ ตนก็ไม่อยากจะเห็น ไม่ต้องการวีรชนเพิ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้คดีสำนวนแรก หมายเลขดำ อ.3531/2552 พนักงานอัยการได้ฟ้องแกนนำ นปช. และผู้ชุมนุมรวม 7 ราย ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุกนายนพรุจ หรือนพรุฒ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006, นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช., นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช., นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. คนละ 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา