วัดใจ ส.ว. ลงมติ “สถาพร” นั่ง "ป.ป.ช." หลังถูกร้อง ขาดคุณสมบัติ

วัดใจ ส.ว. ลงมติ “สถาพร” นั่ง "ป.ป.ช." หลังถูกร้อง ขาดคุณสมบัติ

จับตา ส.ว. ลงมติเห็นชอบ “สถาพร” เป็น "ป.ป.ช." คนใหม่ หรือไม่ หลังมีคำร้อง ปมคุณสมบัติที่สมัคร ขัดกับ กฎหมาย-เทียบอัตราไม่ถึง “อธิบดีผู้พิพากษา”

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายพรเเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภาเป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาให้ควาเห็นชอบ นายสถาพร วิสาพรหม รองประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ เป็นบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังจากที่คณะกรรมาธิการสามัญ (กมธ.) เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม ที่มี พล.อ.อู้ด เบื้องบน ส.ว. เป็นประธานกมธ.  แล้วเสร็จ

 

ทั้งนี้ก่อนการประชุมเป็นกาารลับ นายประพันธ์ุ คูณมี ส.ว. ฐานะกมธ.ตรวจสอบประวัติ ได้นำเสนอรายงานช่วงหนึ่ง ว่า การตรวจสอบประวัติฯ ได้รับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายสถาพร ที่ไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  (ป.ป.ช.)  มาตรา 9(1) ที่กำหนดให้ต้องรับราชการหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีผู้พิพากษาไม่น้อยกว่า 5 ปี  แต่ปัจจุบัน นายสถาพรรองประธานศาลอุทธณ์คดีชำนัญพิเศษ และก่อนหน้านั้ นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลอุทธรณ์ในคดีชำนัญพิเศษ ไม่เคยดำรงตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลใดมาก่อน ดังนั้นไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย ทั้งนี้ข้อร้องเรียนดังกล่าวเป็นจดหมายสนเท่ห์ ลงชื่อ ผู้ช่วยผู้พิพากษารุ่นที่ 29 รุ่นเดียวกับนายสถาพร

 

วัดใจ ส.ว. ลงมติ “สถาพร” นั่ง \"ป.ป.ช.\" หลังถูกร้อง ขาดคุณสมบัติ

นายประพันธ์ุ กล่าวด้วยว่าหนังสือร้องเรียนระบุด้วยว่า การถืออัตราเงินเดือนเท่ากันเป็นเกณฑ์เทียบไม่มีกฎหมายใดให้ทำได้ จะทำให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นตำแหน่งเทียบเท่าอธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้น และมีคำกล่าวอ้างเป็นหนังสือของศาลยุติธรรม ศย.003/113  เมื่อ 23 พฤศจิกายน 2565  กรรมการ กต.​ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการแต่งตั้งโยกย้ายและลงโทษทางวินัยมีมติยืนยัน เมื่อ 21 มีนาคม 2565 ตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ และ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ไม่ใช่ตำแหน่งเทียบเท่าอธิบดีผู้พิพากษาขึ้นไป ตามประกาศของ กต. ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. หากตีความว่า  2 ตำแหน่งเทียบเท่ากับอธิบดีผู้พิพากษาแล้ว  สิทธิสมัครตามรัฐธรรมนูญ จะเข้าตามมาตรา 9 (1) แต่จะมีประเด็นที่ไม่มีมาตรฐานต่อการยื่นบัญชีทรัพย์สิน

 

“กมธ.ส่วนใหญ่มีมติว่าการวินิจฉัยของกรรมการสรรหา ผูกพันเฉพาะผู้สมัครและกรรมการ ไม่มีผลผูกพันต่อส.ว.ที่จะให้ความเห็นชอบ ตามหนังสือร้องเรียนปัญหาคุณสมบัติของนายสถาพร หลายฉบับ มีความเห็นของนายพิสิษฐ์ ลี้อาธรรม สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอรายละเอียดกับคุณสมบัติของนายสถาพรมีความเห็นว่าขาดคุณสมบัติเช่นกัน” นายประพันธุ์ กล่าว

ทั้งนี้นายพรเพชร กล่าวว่า กรณีความเห็นต่างที่เกิดขึ้นทางกรรมาธิการตรวจสอบประวัติได้ทำเรื่องสอบถามไปยังคณะกรรมการสรรหาที่ประกอบด้วย ประธานศาลฏีกา, ประธานสภา, ผู้นำฝ่ายค้าน หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีกรณีที่มีความเห็นต่างก่อนนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ทำหนังสือเพื่อสอบถามกัน

 

 

อย่างไรก็ดีในความเห็นของส.ว.ที่อภิปรายในช่วงของการพิจารณนั้นได้ตั้งประเด็นเช่นกันว่าก่อนการสรุปรายงานตรวจสอบของกมธ.ฯ ได้สอบถามไปยังคณะกรรมการสรรหาก่อนหรือไม่ อย่างไรก็ตามก่อนกมธ.ฯจะให้คำตอบ  นายพรเพชร ได้สั่งให้วุฒิสภาประชุมลับ.