“พิธา” สวมบทว่าที่ผู้นำ แสดงความเสียใจ “เมียนมา” หลังเผชิญภัยพายุ “โมคา”
“พิธา” สวมบทบาทว่าที่ผู้นำ ทวิตข้อความแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อ “เมียนมา” หลังเผชิญภัยธรรมชาติ พายุไซโคลน “โมคา” เรียกร้องรัฐบาลรักษาการของไทย ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
เมื่อวันที่ 22 พ.ย.2566 เว็บไซต์สำนักข่าว “ฐานเศรษฐกิจ” รายงานถึงช่วงถามตอบภายหลัง 8 พรรคการเมืองร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ในการจัดตั้งรัฐบาล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ตอบคำถามสื่อมวลชน ในประเด็นเกี่ยวกับภัยธรรมชาติในเมียนมา ว่า เขาได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อชาวเมียนมา ที่ต้องประสบความสูญเสียจากพายุไซโคลน “โมคา” นอกจากนี้ ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการสนับสนุนความช่วยเหลือโดยทันทีแก่ผู้ที่ประสบภัยในเมียนมาครั้งนี้
นายพิธา ขยายความว่า เป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะทำงานกับผู้นำประเทศต่างๆ ในอาเซียนในการให้ความช่วยเหลือเมียนมาที่ต้องเผชิญความยากลำบากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ในฐานะว่าที่รัฐบาลจะนำประเด็นปัญหาเมียนมา มาแก้ปัญหาด้วยนโยบาย 3 R คือ
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกรณีที่รายงานของสหประชาชาติ ระบุว่า ประเทศไทยส่งอาวุธขายให้รัฐบาลเมียนมามากเป็นลำดับ 5 ว่าได้ให้ทีมงานที่เป็นฝ่ายต่างประเทศตรวจสอบลงลึกในรายงานชิ้นนี้ว่า การเอาอาวุธเข้าไปต้องมีการตรวจสอบ และมีการสร้างทั้ง “แรงกดดัน” และ “แรงจูงใจ” เพื่อให้ทุกฝ่ายกลับมาสู่โต๊ะเจรจา และให้ประชาธิปไตยกลับสู่เมียนมาในที่สุด เพื่อความเป็นเอกภาพของอาเซียน
อนึ่ง เมื่อวันที่ 21 พ.ค.2566 นายพิธาได้ทวีตข้อความ 2 ภาษาทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาเมียนมา ใจความว่า ความคิดคำนึง และคำอธิษฐานของเขาอยู่กับชาวเมียนมาในวันนี้ โดยเฉพาะกับผู้ที่ต้องสูญเสียชีวิต ครอบครัว และบ้านเรือนเพราะพายุไซโคลนโมคา (Mocha)
นายพิธา ได้เรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการของไทย และประชาคมระหว่างประเทศเร่งให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากพายุไซโคลนนี้ โดยมุ่งให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ยากลำบากมากที่สุดเป็นอันดับแรก ซึ่งสิ่งนี้สอดคล้องกับนโยบายต่างประเทศของเขาในฐานะ (ว่าที่) นายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้ง
นโยบายของเขาเกี่ยวกับเมียนมาก็คือ การร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียทุกกลุ่ม โดยมุ่งเน้นด้านความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึงด้านมนุษยธรรม และเศรษฐกิจ เพื่อให้บรรลุซึ่งสันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันสำหรับประเทศไทย เมียนมา อาเซียน และประเทศอื่นๆ
ส่วน สำนักข่าวชายขอบ (Transborder News) รายงานว่า การทวีตดังกล่าวมีคนเข้าถึงมากกว่า 5 ล้านคน และมีการแชร์กว่า 37,700 ครั้ง โดยส่วนมากเป็นชาวเมียนมา และกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ซึ่งเข้ามาแสดงความชื่นชมและปลาบปลื้มใจ โดยต่างพากันแสดงความเห็นทั้งในภาษาเมียนมา ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย อาทิ ขอบคุณมากสำหรับความเมตตาต่อมนุษยชาติ และประเทศของเรา ซึ่งกำลังมีปัญหา, ขอบคุณจากใจชาวเมียนมา เพื่อนบ้าน, ขอบคุณประชาธิปไตย และการเมืองของไทย เป็นต้น
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์