บ่วง"ม.112"คล้องก้าวไกล ย้อนรอย"ทะลุฟ้า-ลดเพดาน"

บ่วง"ม.112"คล้องก้าวไกล  ย้อนรอย"ทะลุฟ้า-ลดเพดาน"

MOUร่วมตั้งรัฐบาล "8พรรค" ที่ไร้ซึ่งประเด็นการแก้ไขม.112 กำลังกลายเป็น"ขวากหนาม" พรรคก้าวไกล ท่ามกลางกลเกมในสภาที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้

ทำเอาบรรดา “ด้อมส้ม” ออกอาการผิดหวัง ถึงขั้นติดแฮชแท็ก #112ไม่แก้ไม่มีกู หลัง 8 พรรคการเมือง นำโดยพรรคก้าวไกล ภายใต้การนำของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรค ร่วมกับพรรคเพื่อไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเป็นธรรม พรรคเพื่อไทรวมพลัง และพรรคพลังสังคมใหม่ ร่วมลงนามเอ็มโอยู เพื่อเตรียมจัดตั้งรัฐบาล

ไฮไลต์สำคัญที่กำลัง “ร้อนฉ่า!” และมีการถกเถียงกันในโลกโซเชียลขณะนี้ หนีไม่พ้นประเด็นการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ไม่ถูกบรรจุอยู่ในเอ็มโอยู

บ่วง\"ม.112\"คล้องก้าวไกล  ย้อนรอย\"ทะลุฟ้า-ลดเพดาน\"

ขณะเดียวกัน เมื่อลงลึกไปในรายละเอียดในเอ็มโอยู ยังเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า 

“ภารกิจของรัฐบาลทุกพรรคที่จะผลักดันร่วมกันนั้น ต้องไม่กระทบกับรูปแบบของรัฐ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการดำรงอยู่ในสถานะอันเป็นที่สักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้”

อย่างที่รู้กันว่าการไร้ซึ่งประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 อยู่ใน 23 บันทึกข้อตกลง เกิดจาก “จุดต่าง” ของ 8 พรรคร่วม 

ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย และเสรีรวมไทยที่เห็นว่า ควรปล่อยให้เป็นกระบวนการในรัฐสภา ไม่ต่างจากไทยสร้างไทย ที่มีจุดยืนชัดเจน “ไม่แก้” และ “ไม่ยกเลิก” ประเด็นดังกล่าว 

บ่วง\"ม.112\"คล้องก้าวไกล  ย้อนรอย\"ทะลุฟ้า-ลดเพดาน\"

 

ขณะที่ท่าทีของ “พรรคก้าวไกล” ล่าสุด แม้ยังยืนยันที่จะเสนอเรื่องดังกล่าวไว้ในวาระเฉพาะ 8 กลุ่ม เพื่อเสนอเป็นกฎหมายเข้าสู่สภาหลังจากนี้ 

แต่ด้วยหลักใหญ่ใจความที่เป็นเสมือนบ่วงคล้องคอ โดยเฉพาะข้อความที่ระบุว่า “ผู้ใดจะละเมิดมิได้” บวกลูกเล่นรวมถึงเทคนิคต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในสภาหลังจากนี้ ทำไปทำมาจะกลายเป็นขวากหนามที่ทำให้พรรคก้าวไกล ไม่สามารถเดินหน้าเรื่องนี้ได้จนสุดทาง 

โดยเฉพาะโมเดล “ทะลุเพดาน” ซึ่งเคยเกิดขึ้นในอดีต ที่อาจจะถูกตีความว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่าย "ละเมิด" 

บ่วง\"ม.112\"คล้องก้าวไกล  ย้อนรอย\"ทะลุฟ้า-ลดเพดาน\"

ย้อนดู “ไทม์ไลน์รัฐสภา” เมื่อครั้งที่ “พิธา” นำทีมพรรคก้าวไกลเสนอชุดกฎหมายคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกและสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของประชาชน จำนวน 5 ฉบับ เมื่อวันที่ 10 ก.พ.2564

ครั้งนั้น ปรากฏประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 อยู่ในกฎหมายร่างที่ 1 คือ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ในส่วนที่สอง โดยมีใจความสำคัญไม่ว่าจะเป็นการย้ายความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามมาตรา 112 ไปกำหนดเป็นลักษณะความผิดใหม่ คือ “ลักษณะความผิดเกี่ยวกับพระเกียรติของพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และเกียรติยศของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์”

บ่วง\"ม.112\"คล้องก้าวไกล  ย้อนรอย\"ทะลุฟ้า-ลดเพดาน\"

 ขณะที่อัตราโทษให้ยังมีโทษจำคุก แต่ลดอัตราโทษลงมาไม่ให้รุนแรงจนเกินไป ไม่กำหนดโทษขั้นต่ำไว้ รวมทั้งสามารถพิจารณาลงโทษปรับ หรือทั้งจำ ทั้งปรับ เพื่อให้ได้สัดส่วนกับสภาพความผิด

กล่าวคือ ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขณะเดียวกัน ยังเสนอให้มี “บทยกเว้น” ความผิดและยกเว้นโทษ โดยบัญญัติให้ผู้ใดติชม แสดงความคิดเห็น หรือแสดงข้อความใดโดยสุจริต เพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อธำรงไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ ผู้นั้นไม่มีความผิด

และเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลทั่วไปนำฐานความผิดนี้ไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง กลั่นแกล้งผู้อื่น หรือนำไปใช้โดยไม่สุจริต ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย จึงกำหนดให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ร้องทุกข์ และกำหนดให้ความผิดในลักษณะนี้เป็นความผิดอันยอมความได้

บ่วง\"ม.112\"คล้องก้าวไกล  ย้อนรอย\"ทะลุฟ้า-ลดเพดาน\"

ฉะนั้นด้วยเทคนิคลูกเล่นต่างๆ ที่แอบแฝงอยู่ในเอ็มโอยูยามนี้ ไม่ต่างอะไรกับแผนไล่ต้อนก้าวไกลให้ต้องจนมุม ซ้ำอาจต้องเผชิญเกมโดดเดี่ยวในเวทีสภาหลังจากนี้

สอดคล้องกับท่าทีของ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่มองว่า การเขียนเอ็มโอยูเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับการเปิดช่องให้ ส.ส. ส.ว. และศาลรัฐธรรมนูญ นำมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญมาผสมผสานกับข้อความในเอ็มโอยูดังกล่าว มาขยายความตีความแบบพิสดาร จนทำให้พรรคก้าวไกลไม่อาจใช้กลไกสภาแก้ไขได้ในที่สุด

ทำไปทำมา ประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 จะกลายเป็นบ่วงที่คล้องคอก้าวไกลให้แน่นขึ้น “ซ้าย” ก็ด้อมส้ม “ไม่แก้ก็ไม่มีกู” “ขวา” ก็ขั้วการเมือง ไม่ถอย แผนตั้งรัฐบาลก็สะดุด!