'เรืองไกร' จองกฐิน 'พิธา' ถือหุ้นสื่อ ITV หวังสอยทั้งพรรคก้าวไกล

'เรืองไกร' จองกฐิน 'พิธา' ถือหุ้นสื่อ ITV หวังสอยทั้งพรรคก้าวไกล

ล็อกเป้าพังด้อมส้ม 'เรืองไกร' จองกฐิน 'พิธา' ถือหุ้นสื่อ ITV หวังสอยทั้งพรรคก้าวไกล

เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นหลักฐานเพิ่ม ลุย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แห่งก้าวไกล ปมถือหุ้นสื่อ หุ้นไอทีวี (ITV) จับตาการเมืองร้อน

การประชุมร่วม 8 พรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาล 2566 ที่มีการตั้งคณะกรรมการประสานงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาลขึ้น ( 30 พ.ค. 66) ซึ่งมีการโชว์หวานชื่นมื่น ระหว่าง 2 หัวหน้าพรรค อย่าง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กับ ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อสยบกระแสความขัดแย้งกรณีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมไปถึงปมคดี ถือหุ้นสื่อ ถือหุ้นไอทีวี ( ITV) ของพิธา ที่ตอนนี้อยู่มือ กกต. 

กรณีถือหุ้นไอทีวี ของพิธา ซึ่งช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อ กกต. ในกรณีการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล

 

ประเด็นคือ พิธา จะพ้นจากสมาชิก และหัวหน้าพรรคหรือไม่ เพราะข้อบังคับพรรคก้าวไกล มีการแก้ไขลงในราชกิจจานุเบกษา ปี 2563 ซึ่งข้อบังคับพรรคในข้อ 12,21,37 ซึ่งในข้อ 12 ระบุว่า สมาชิกต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ดังนั้นเมื่อระบุเช่นนี้ มาตรา 98 (3) ก็จะทำให้พ้นสมาชิกหรือไม่ และกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งหัวหน้าพรรค ก็จะต้องขาดจากความเป็นหัวหน้าพรรคโดยสิ้นสุดเฉพาะตัว รวมถึงคณะกรรมการบริหารพรรคต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกลข้อที่ 36

ตั้งข้อสังเกตให้ กกต. ตรวจสอบในกรณีที่ถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เข้าข่ายว่าจะมีลักษณะต้องห้ามเป็น ส.ส. รวมถึงเป็นสมาชิกพรรค และหัวหน้าพรรคไม่ได้ ผลที่ตามมาในการสมัครเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 3-7 เม.ย. ที่ผ่านมา นายพิธาได้เซ็นรับรองการสมัคร ส.ส. เกือบ 400 เขต และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ ดังนั้นจึงขอให้ กกต. ตรวจสอบเพิ่มเติมว่าการยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ขอให้ กกต. ดำเนินกฎหมาย

ชี้คำวินิจฉัยศาล รธน. ให้ถ้อยคำ กกต. เพิ่ม

วันก่อน เรืองไกร เข้าให้ถ้อยคำกับ กกต. ภายหลังยื่นตรวจสอบ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กรณีการถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น เข้าข่ายเป็นการถือครองหุ้นสื่อ กระทำผิดขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ 

เรืองไกร เคยให้ถ้อยคำ กกต. ครั้งแรก หลังยื่นคำร้องไปแล้ว 4-5 ครั้ง ยังมีประเด็นเพิ่มเติม ยกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่เคยวินิจฉัยเกี่ยวกับการถือหุ้นสื่อมวลชนของผู้สมัคร ส.ส. มาส่งให้มอบให้ กกต.  จะเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า ศาลพิจารณาจาก ข้อเท็จจริงว่า เป็นผู้ถือหุ้น หรือไม่ ประกอบกิจการ หรือจะกลับมาประกอบกิจการหรือไม่

ตั้งข้อสังเกตว่า พิธาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะต้องมีการเซ็นรับรอง ผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งแบบแบ่งเขต 400 เขต และแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน และยังให้พรรคก้าวไกลเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งเข้าข่ายขาดคุณสมบัติทั้งหมด หากพิธาผ่านด่านไปได้จนถึงได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะเดินหน้าร้องเรียนต่อไปเพื่อยุบทั้งคณะรัฐมนตรี และเมื่อมีการรับรองสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ก็จะใช้วิธีการที่จะให้ ส.ส. เข้าชื่อ 1 ใน 10 เพื่อยื่นร้องต่อศาล คู่ขนานไปด้วย เพื่อให้พิจารณาคุณสมบัติ

ดูเหมือน "พิธา" ยังต้องเจอนักร้องอย่าง "เรืองไกร" อีกหลายด่าน กรณีถือหุ้นไอทีวี แม้จะได้เป็นนายกฯหรือไม่ก็ตาม