บี้ กกต.สอบ “พิธา” ร่างข้อบังคับพรรคมัดตัวเองปมหุ้นสื่อ แซวจบฮาร์วาร์ดไหน
“เรืองไกร” ไม่ปล่อย! ยื่น กกต.เพิ่มอีกหนสาม บี้สอบปม “หุ้นสื่อ” ไอทีวี ต้องพ้นสถานะ “หัวหน้าพรรค” ก้าวไกลด้วยหรือไม่ ชี้ร่างข้อบังคับมัดตัวเอง เชื่อเรื่องถึงศาล รธน.แน่ ลั่นถ้าอยากเป็นนายกฯต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ แอบแซะจบจาก “ฮาร์วาร์ด” ไหน
เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่นหนังสือต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบเพิ่มเติมว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าข่ายพ้นจากสมาชิกพรรค และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 24 หรือไม่ และจะมีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 112 วรรคหนึ่งหรือไม่ จากกรณีการถือครองหุ้นสื่อ ITV บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เพราะเป็นหนึ่งในคุณสมบัติต้องห้าม ขณะที่มาตรา 112 ระบุว่า คนที่รู้อยู่แล้วว่า คนที่ไม่มีคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามในการเป็นหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค เหรัญญิก รวมถึงกรรมการบริหารอื่นของพรรค แต่ยินยอมรับการแต่งตั้งเพื่อดำรงตำแหน่งดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะที่พรรคการเมือง แต่งตั้งบุคคล ให้ดำรงตำแหน่งตามวรรคหนึ่ง โดยรู้ว่าคนนั้นไม่มีคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า ในข้อบังคับของพรรคก้าวไกล ซึ่งยังใช้บังคับอยู่ในขณะที่นายพิธา แสดงตนเป็นสมาชิกพรรค ในข้อ 12 ระบุว่า สมาชิกต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม คือเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิลงรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มาเป็นสมาชิกพรรค ข้อ 21 กำหนดการสิ้นสมาชิกว่า เมื่อขาดคุณสมบัติตามข้อ 11 หรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 12 ส่วนข้อ 37 ได้บอกว่ากรรมการบริหารพรรคจะสิ้นสุดลงเฉพาะตัว เมื่อพ้นจากสมาชิกภาพ ดังนั้นข้อบังคับพรรคก้าวไกล ข้อ 12 (6) จึงรวมถึงลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 ทุกอนุมาตรา และใน (3) กำหนดว่า คนที่ถือครองหุ้นสื่อใดๆ เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามไม่ให้ลงสมัคร
นายเรืองไกร กล่าวด้วยว่า ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้มีเหตุทำให้ต้องร้องต่อ กกต. เพื่อให้ตรวจสอบเพิ่มเติมว่า นายพิธา จะเข้าข่ายต้องพ้นจากสมาชิกพรรค และหัวหน้าพรรคก้าวไกลหรือไม่ ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกล แต่งตั้ง หรือยินยอมให้นายพิธา ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยรู้ หรือควรรู้ว่า นายพิธามีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งดังกล่าว จะเข้าข่ายมีคามผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 112 วรรคสองหรือไม่ ขณะที่กรรมการบริหารอื่นของพรรค ที่ร่วมรับรู้หรือสนับสนุนให้นายพิธายังคงเป็นสมาชิกและหัวหน้าพรรค จะเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 หรือ มาตรา 86 ด้วยหรือไม่ ส่วนผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ของพรรคก้าวไกลทุกคน ที่ยินยอมหรือยอมรับให้นายพิธาใช้สถานะของหัวหน้าพรรคลงนามรับรองให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ จะเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกด้วยหรือไม่ จึงขอให้ กกต.ตรวจสอบเพิ่มเติมในเรื่องนี้