เปิดฉากทัศน์ ขวากหนาม-เส้นทาง‘พิธา’ จับตาก.ค. ‘พท.-ก้าวไกล.’ใครคุมเกม?
“ซิเนริโอการเมือง” 312 เสียง 8พรรค ภายใต้รัฐบาลพรรคก้าวไกล กับเส้นทางสู่ดวงดาวของนายกฯที่ชื่อ "พิธา" หลากหลายขวากหนาม-ด่านวัดใจ อีกไม่นานจะได้รู้กัน
“ฉากทัศน์การเมือง” ผ่านสูตรจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคก้าวไกล กับเส้นทางสู่ดวงดาวของนายกรัฐมนตรีคนที่30 ที่ชื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ท่ามกลางขวากหนามทั้งเกมชิงอำนาจรวมถึงร่วมถึงประเด็นการถือครองหุ้นสื่อทำให้มีการจับตาไปที่สูตรจัดตั้งรัฐบาลหลังจากนี้ โอกาสบวกสัญญาณ “พลิกขั้ว” จะมีมากน้อยเพียงใด
มุมมองของ พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวผ่านรายการ "มอร์นิ่งเนชั่น" ออกอากาศทางเนชั่น22 มองฉากทัศน์การเมืองการตั้งรัฐบาลว่าภาพของการสยบรอยร้าวระหว่าง2พรรคทั้งพิธา และนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในการแถลงข่าว8พรรคเมื่อวันที่30พ.ค.ที่ผ่านมา มองว่าน่าจะเกิดจากการถกเถียง ทางความคิดระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย พอสมควร
เท่าที่สังเกตพรรคเพื่อไทยเขาจะมีกระแสความคิดหลักอยู่2แนวความคิด
ความคิดแรก คือ การสนับสนุนการจับมือกับพรรคก้าวไกล อย่างเหนียวแน่นเพื่อที่จะจัดตั้งรัฐบาลเสรีประชาธิปไตย ซึ่งจะสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนที่เลือกทั้งสองพรรคมารวม 25ล้านเสียง ซึ่งนพ. ชลน่าน ก็ได้พูดถึงเรื่องนี้ในการแถลงข่าว ซึ่งอาจเป็นแนวคิดหลักของพรรคเพื่อไทย
ส่วนอีกแนวคิดเป็น “แนวคิดคู่ขนาน” ที่มองว่า หากการจัดตั้งรัฐบาลจะต้องเชื่อมโยงกับ “กลุ่มอำนาจ” ต่างๆทางการเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จึงมีความพยายามในการหาทางเลือกกรณีมีเหตุการอะไรก็ยังสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ส่วนตัวมองว่าแนวคิดที่สองก็เป็นแนวคิดการเมืองแบบดั้งเดิม ที่ผ่านความสัมพันธ์เชิงอำนาจภายในกลุ่มต่างๆเพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้ได้
สองแนวคิดนี้ก็ต้องต่อสู้กัน และมีการส่งเสียงออกมาสัปดาห์ที่ผ่านมาของทั้งสองกลุ่มในพรรคเพื่อไทย
แต่ในท้ายที่สุดผมประเมินว่าแนวคิดแรกน่าจะประสบชัยชนะ ทั้งนี้อาจจะมาจากสาเหตุที่ทางกลุ่มแกนนำทางความคิดของพรรคเพื่อไทยเขาคงจะประเมินว่า แนวคิดแรกน่าจะเป็นแนวคิดของอนาคตมีผลในเชิงบวกกับทางพรรคเพื่อไทยเอง ถ้าสามารถจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับก้าวไกลก็จะทำให้สถานะของพรรคเพื่อไทยก็ดูดีในฐานะพรรคที่ยึดมั่นในหลักของประชาธิปไตยและทำให้มีโอกาสได้รับความนิยมกลับขึ้นมาในอนาคต
แต่ถ้าดำเนินการตามแนวคิดที่สองที่ไปเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ "กลุ่มอำนาจเดิม" ก็อาจจะถูกวิพากษ์วิจารณ์และอาจจะก่อให้เกิดวิกฤติสำหรับพรรคเพื่อไทยในอนาคตได้ ยิ่งไปกว่านั้นก็อาจจะกระทบต่อสถานภาพทางการเมืองของคุณแพทองธาร ชินวัตร ในฐานะแคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ที่สนับสนุนแนวคิดแรกอย่างชัดเจนและมีการเปิดเผยออกมาสู่สาธารณะ
เห็นชัดจากกรณีที่ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี มีการยุติการจัดรายการผ่านแคร์ทอล์คก็เชื่อว่าคงมีการพูดคุยกันแล้วโดยเฉพาะทางเลือกที่หนึ่งน่าจะมีผลดีกับพรรคในระยะยาวมากกว่า
- จับตาฉากทัศน์โอกาส “พิธา-ก้าวไกล”
พิชาย ยังมองว่า ณ เวลานี้ยังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจะจับมือไปด้วยกัน แม้จะมีการจับตาไปที่กรณีการถือหุ้นสื่อของนายพิธา กรณีนี้ส่วนตัวมองว่า จะออกมาได้ทั้ง
1. พิธา พ้นจากข้อกล่าวหา พรรคก้าวไกลจะเป็นพรรคที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลซึ่งเชื่อว่าเขาจะต้องแสวงหาคะแนนเสียงทั้งส.ส.และสว. ยังเชื่อว่าสว.ก็มีจำนวนไม่น้อยที่เห็นแก่ผลประโยชน์ของประเทศ การโหวตให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยมองว่าไม่มีผลดี ขณะเดียวกันรัฐบาลเสียงข้างน้อยก็ไม่สามารถบริหารประเทศได้
2.ถ้าพิธา เกิดอุบัติเหตุ ก็จะสะท้อนให้เห็นว่าการเมืองแบบเดิมก็ยังมีอยู่ ซึ่งหากเป็นไปในแนวทางนี้ก็จะเกิดโอกาสขึ้นได้สองแนวทาง
แนวทางแรก เพื่อไทยและก้าวไกลยังคงจับมือกัน ในการจัดตั้งรัฐบาล เพียงแต่อาจจะสลับกันโดยให้เพื่อไทยมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและให้ก้าวไกลเป็นพรรคร่วม
เชื่อว่าถ้าออกในลักษณะนี้ก็ยังสามารถประคับประคองเส้นทางของวิถีประชาธิปไตยต่อไปได้แม้ว่ามวลชนจำนวนหนึ่งจะรู้สึกขุ่นเคือง แต่ยังเชื่อว่าในสิ่ประชาธิปไตยก็ยังสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
แนวทางที่สอง แต่หากเกิดฉากทัศน์ที่พรรคเพื่อไทย “ข้ามขั้ว” ไปรวมกับพลังประชารัฐหรือภูมิใจไทย
เชื่อว่า อาจสร้างความขุ่นเคืองให้กับมวลชนอย่างรุนแรงอาจจะส่งผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทยในระยะยาวทั้งนี้ แม้จะมีการมองว่าพรรคเพื่อไทยชนะในเกมอำนาจแต่ในท้ายที่สุดเค้าจะแพ้ในเรื่องของการเมืองในระยะยาว
- ประธานสภาฯเดิมพันเกมอำนาจ“ก้าวไกล”
เมื่อถามว่า จำเป็นหรือไม่ที่ในสภาวะที่เกิดความไม่แน่นอนก้าวไกลจำเป็นต้องรักษาเก้าอี้ประธานสภาไว้ พิชาย กล่ามองว่า เชื่อว่าแนวคิดดังกล่าวก็มีความเป็นไปได้ แต่ในเมื่อเพื่อไทยให้คำมั่นสัญญาว่า จะจับมือกับพรรคเพื่อไทย ส่วนตัวก็เชื่อว่าก็น่าจะคลายความกังวลไปได้ในระดับนึง
ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่า พรรคก้าวไกลก็มีความแตกต่างกับพรรคการเมืองอื่นๆตำแหน่งประธานสภาถ้าเป็นวิถีการเมืองแบบเดิมๆก็เป็นเหมือนรางวัลผู้อาวุโสภายในพรรค แต่ถ้าถามว่านักการเมืองอยากได้ตำแหน่งไหนระหว่างประธานสภากับรัฐมนตรีก็เชื่อว่า เขาาอยากได้ตำแหน่งรัฐมนตรีมากกว่าแต่ในกรณีก้าวไกลเขาอาจจะมองต่าง
“โดยตำแหน่งประธานสภาถือเป็นจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งที่จะเชื่อมโยงในการขับเคลื่อนในการปฏิรูปการเมืองของพรรคจึงเป็นประเด็นที่ทำให้เขาอยากได้”
- จับตาก.ค.เพื่อไทย-ก้าวไกล ใครคุมเกม?
ส่วน จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประเทศไทย มองว่า ขอให้จับตาปลายเดือนก.ค.ที่จะเป็นช่วงเปิดสมัยประชุมเพื่อเลือกประธานสภาต่อด้วยเลือกนายกรัฐมนตรี
เวลานั้นจะเห็นได้อย่างชัดเจนจากฝากฝั่ง 312 เสียงที่ไม่มีวี่แววว่าจะรวบรวมเสียงได้ถึง 376 เสียง
เพราะฉะนั้นเราจึงเห็นปรากฏการณ์กรณีพรรคเพื่อไทยที่กดดันเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรมีการหยิบชื่อนพ,ชลน่าน ว่าจะเป็นประธานสภาโดยอ้างว่าพรรคก้าวไกลอย่าได้กินรวบแต่ขอให้กินแบ่ง
เรื่องนี้เราจะเคยได้ยินมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งเหตุที่ไม่เสนอนพ.ชลน่านให้เป็นแคนดิเดตนายกเพราะต้องการให้เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ แต่เวลานั้นเราจะรู้กันแต่เพียงว่า นายสุชาติ ตันเจริญ จะเป็นประธานสภา
แน่นอนที่สุดเมื่อผลการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยไม่แลนด์สไลด์ ก็จำเป็นที่จะต้องมาจับมือกับพรรคก้าวไกล แต่เขาลึกๆปลายทางอยู่แล้ว ว่า พิธา กำลังจะโดนเรื่องหุ้นไอทีวี
ฉะนั้นจึงเป็นที่มาของการต่อรองตำแหน่งหากพิธาเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง โดยที่กกต.รับรองไปก่อนและ เกิดกรณีเดียวกันกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคก้าวไกลก็จะไม่เหลือ ที่สุดก็จะกลายเป็นพรรคเพื่อไทย ที่มีสิทธิ์ในการเสนอชื่อนายกฯ รัฐมนตรี จึงเป็นเหตุผลที่พรรคก้าวไกลจำเป็นต้องได้ตำแหน่งประธานสภา ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ อ่านเกมตรงนี้ขาด
- หุ้นไอทีวีไม่มีใครรู้ดีไปกว่า“ทักษิณ”
จตุพร ยังมองว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยถ้าไม่มีสัญญาณอะไรการขยับของมวลชนจะไม่มีให้เห็นเช่นนี้เป็นอันขาด โดยเฉพาะดีลลับทั้งนี้ไม่ว่าใครจะปฎิเสธอย่างไรความจริงก็จะปรากฏในวันที่เลือกประธานสภา ซึ่งถึงเวลานั้นกรณีของพิธาก็จะแรงขึ้นตามลำดับ
“เรื่องการดีลเป็นเรื่องธรรมชาติในทางการเมือง ส่วนตัวยังเชื่อว่าปลายทางของพรรคก้าวไกลยังมีโอกาสเป็นฝ่ายค้าน เช่นเดียวกับโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะจับมือกับพลังประชารัฐ เรื่องนี้ยังไม่เกิดขึ้นขอให้เราจบตาอีก2เดือน”
ส่วน “ซิเนริโอ312 เสียง” คือในกรณีที่นายพิธาอาจเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองแล้วพรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทน โดยให้ตำแหน่งประธานสภาเป็นของพรรคก้าวไกล มองว่า หากเป็นไปในแนวทางนี้พรรคเพื่อไทยก็แค่นั่งรอไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเล่นเกมประธานสภา
เรื่องหุ้นไอทีวีไม่มีใครรู้ดีกว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
“จตุพร” ยังวิเคราะห์ถึงเสียงส.ว.ในการโหวตนายกฯรอบนี้ว่า ต้องถามว่า ที่มาของส.ว.มาจากไหนใครเป็นคนแต่งตั้ง
ที่ผ่านมามีการประเมินว่าส.ว.ที่มาจากสายบ้านใหญ่ ที่เหลือมาจากแม่ทัพนายกอง แม้กระทั่ง 17 เสียงที่ประกาศแล้วว่าจะสนับสนุนพิธาถึงเวลาจริงก็ไม่รู้ว่าจะถึง 17 เสียงหรือไม่
เชื่อว่าในวันข้างหน้าไม่ว่าจะเกิดอะไร ขึ้นกับพรรคก้าวไกลหรือพิธา แต่ในวิกฤตจะมีโอกาสเสมอพรรคก้าวไกลก็จะต้องตั้งหลักและวิเคราะห์ว่าอะไรเป็นคุณทางการเมือง