‘โรม’ เมินความเห็น ‘วิษณุ’ ปมหุ้นสื่อ ซัดชี้นำสังคม-ส.ว.หวังส้มหล่น
‘โรม’ เผยอย่าให้ความสำคัญกับความเห็น ‘วิษณุ’ ปมหุ้น ‘พิธา’ มากนัก ซัดชี้นำสังคม-ส.ว. หวังส้มหล่น เมินตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ชี้ปิดสวิตช์ ม.272 ดีกว่า ตะเพิด ‘ประยุทธ์’ รีบเก็บของออกจากทำเนียบฯ มีสปิริตแสดงความยินดีกับผู้ชนะหน่อย ชม ‘กลาโหม’ เริ่มปฏิรูปกองทัพ
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2566 ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นถึงคดีการถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อาจส่งผลให้มีการจัดเลือกตั้งซ่อม ว่า เรื่องการถือหุ้นสื่อของนายพิธา พรรคก้าวไกลได้เตรียมความพร้อมในการต่อสู้ตามข้อกฎหมายต่าง ๆ ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการถูกกลั่นแกล้งกันทางการเมือง การให้สัมภาษณ์ของนายวิษณุ ถือเป็นการชี้นำ ส.ว. ชี้นำสังคม เพื่อให้ ส.ว.เกิดความลังเลใจ สุดท้ายคือการหวังส้มหล่น ทั้ง ๆ ที่การเลือกตั้งของไทยกำลังไปได้สวย แต่ทำไมต้องใช้กระบวนการแบบนี้ ทำแบบนี้บ้านเมืองจะวุ่นวายหรือเปล่า เท่ากับไม่เคารพต่อเจตจำนงค์ประชาชนที่ออกไปเลือกตั้งหรือไม่
“บางครั้งเราอย่าไปให้ความสำคัญกับนายวิษณุ กับเรื่องทางกฎหมายมากนัก เราต้องยอมรับว่านายวิษณุ ไม่ได้ถูกทุกเรื่อง ยกตัวอย่างเรื่อง พ.ร.ก.บางมาตรา ใน พ.ร.บ.อุ้มหายฯ พรรคก้าวไกลไม่เห็นชอบด้วยกฎหมาย ก็เป็นไปตามนั้น ดังนั้นนายวิษณุ ให้สัมภาษณ์ในลักษณะชี้นำ ส.ว. แต่ควรไปบอก พล.อ.ประยุทธ์ มีสปิริต ไปดูตัวอย่างจากประเทศอื่น และเตรียมตัวเก็บของออกจากทำเนียบ และส่งมอบงานได้แล้ว” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ยังไม่เห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดเดิม เตรียมความพร้อมในการเก็บข้าวของ ส่งมอบงานให้รัฐบาลใหม่ ซึ่งผลการเลือกตั้งมีความชัดเจนอยู่แล้วว่ารัฐบาลเดิมไม่ได้เป็นรัฐบาลใหม่ ในขณะที่พรรคก้าวไกลมีความพร้อม ตั้งคณะทำงานการเปลี่ยนผ่าน แต่เรากลับไม่เห็นความพร้อมของฝั่งรัฐบาลเดิม หลายประเทศที่เป็นประชาธิปไตย เมื่อรัฐบาลเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังการเลือกตั้ง เรามักเห็นการแสดงสปิริต คือ การแสดงความยินดีกับผู้ชนะที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ตนเห็นแต่ท่าทีหวังส้มหล่นของรัฐบาลเก่า ดังนั้นไม่สายเกินไปถ้าเราจะได้ยินคำยินดีจากพล.อ.ประยุทธ์ และยอมรับความแพ้ เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านของรัฐบาลเป็นไปตามที่ควรจะเป็น สร้างความราบรื่นกับรัฐบาลใหม่
ส่วนกรณีนายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. เสนอตั้งรัฐบาลแห่งชาติ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบส.ว.จเด็จ ไม่เห็นด้วยในการแก้ไขมาตรา 112 เรียนตามตรงว่าจะตั้งรัฐบาลแห่งชาติไปทำไม ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เชื่อว่าการตั้งรัฐบาลตามเสียงประชาชนสามารถทำได้ ไม่มีปัญหาอะไร ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้สวย แม้เงื่อนไขรัฐธรรมนูญจะไม่ง่าย มีอุปสรรค แต่เรากำลังคืนความปกติตามความยอมรับจากมติมหาชน ค่อยๆ แก้ ถอดสลักปัญหา กลับกันถ้าจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติตามที่ส.ว.จเด็จ ตนไม่เชื่อว่าประเทศไทยจะเดินหน้าไปได้ และนายจเด็จก็ไม่ได้เป็นตัวแทนของส.ว.ทุกคน ซึ่งการปิดสวิตซ์มาตรา 272 เชื่อว่าประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไป
เมื่อถามว่า หากนายพิธา โดนตัดสิทธิการเป็น ส.ส. ในอนาคต พรรคก้าวไกลจะทำอย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องดูกฎหมายหลาย ๆ กฎหมาย แต่ไม่อยากลงรายละเอียดมาก เพราะจะมีผลต่อคดีความ แต่ยืนยันว่าไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคกับการเป็นสมาชิกพรรคของนายพิธาแน่นอน
เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ พูดถึงกรณีพรรคก้าวไกลออกพบปะข้าราชการหรือองค์การต่าง ๆ ว่าไม่มีความไม่เหมาะสม เพราะยังไม่ได้แต่งตังรัฐบาล นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถือเป็นการเตรียมตัวของรัฐบาลชุดใหม่ การพูดคุยกับองค์กรต่างๆ หรือทางท้องถิ่น ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ตรงกันข้าม พล.อ.ประยุทธ์ ควรแสดงความยินดีออกมาบ้าง เก็บของออกจากทำเนียบ อย่ารอส้มหล่น
ส่วนกรณีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งมีหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ รวมทั้งเป็นประเด็นที่ ส.ว. จะไม่โหวดนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ชี้นำ ส.ว.เยอะ สิ่งที่เรากำลังพยายามเดินหน้า เราพยายามเคารพต่อมติมหาชนให้ได้มากที่สุด ผลเลือกตั้งออกมาแน่นอนว่ามีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ ซึ่งในส่วนของมาตรา 112 ต้องไปว่ากันในสภา พรรคก้าวไกลเสนอโมเดล หากเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยประการใดก็คุยกันในสภา ตามกติกา ส่วนเรื่องมาตรา 272 ก็กำลังนับถอยหลัง ถ้าจะยื้อในประเด็นนี้ ประเทศชาติจะได้อะไร จริงๆ ควรปิดสวิตซ์มาตรา 272 กันในวันนี้ ไม่จำเป็นต้องรออีก 1 ปีข้างหน้า
ส่วนความคืบหน้าการพูดคุยกับส.ว. เป็นอย่างไรบ้างนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ได้เดินหน้าพูดคุยกับส.ว. แต่ยังบอกไม่ได้ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีอุปสรรคอะไร
ขณะที่กรณีกลุ่มนักร้องออกมาร้องเรียนว่านายปิยบุตร แสงกนกกุล ครอบงำพรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ กล่าวว่า หากกล่าวหาว่าครอบงำพรรคต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน นายปิยบุตรเป็นคนหนึ่งที่วิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกลมาตลอด ซึ่งก็ไม่ได้เห็นด้วยกับพรรคเสมอไป และนายปิยบุตร เป็นประชาชนคนหนึ่งที่มีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ได้ และที่ผ่านมามีพี่น้องประชาชนจำนวนมากก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์พรรคตลอด เราจะเรียกว่าครอบงำพรรคก็จะไม่เป็นธรรมกับพวกเรา นักร้องต้องการเตะขัดขานายพิธา และพรรคก้าวไกล ไม่ให้จัดตั้งรัฐบาลได้
เมื่อถามว่า กรณีกระทรวงกลาโหมออกมาปฏิรูปกองทัพ มีการลดจำนวนพลทหารเพื่อประหยัดงบประมาณ และมีการสมัครเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ เป็นการลอกการบ้านของพรรคก้าวไกล หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่อยากให้มองว่าลอกการบ้าน แต่ยินดี และขอบคุณที่ทางกลาโหมออกมาปฏิรูป เชื่อว่าจะสามารถทำงานร่วมกันได้ เพื่อให้กองทัพมีคุณภาพและศักยภาพ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมที่จะให้กองทัพมีคุณภาพมากขึ้น