อดีตเลขา กกต.ยันหัวหน้าพรรคโดนตัดสิทธิคดีหุ้นสื่อ ไม่ต้องเลือกตั้งซ่อม
‘ส.ว.จรุงวิทย์’ อดีตเลขา กกต. โพสต์แจงข้อกฎหมาย หากศาล รธน.วินิจฉัยตัดสิทธิ ‘หัวหน้าพรรค’ ปม ‘หุ้นสื่อ’ ไม่กระทบการรับรองส่งผู้สมัคร ส.ส. เหตุกฎหมายไม่ได้ห้ามหัวหน้าพรรคถือหุ้นสื่อ
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2566 พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา ส.ว. และอดีตเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ยกตัวอย่างอธิบายข้อกฎหมาย กรณีการถือหุ้นสื่อของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ที่เซ็นรับรองส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ว่า คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของหัวหน้าพรรคการเมือง ไม่ได้มีกำหนดข้อห้ามการเป็นเจ้าของ หรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนไว้ จึงไม่ได้ส่งผลกับ ส.ส. ที่เซ็นรับรอง และชนะการเลือกตั้ง
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ระบุว่า คำถามนายนิทรา เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง จดทะเบียนโดยถูกต้อง เมื่อมีการเลือกตั้ง นายนิทรา ได้ออกหนังสือรับรองให้ผู้สมัครของพรรคไปยื่นสมัครรับเลือกตั้ง นายนิทรา ลงสมัครแบบบัญชีรายชื่ิของพรรค และได้รับการเสนอชื่อจากพรรคให้เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาภายหลังจากวันเลือกตั้ง มีผู้ร้องเรียนว่า นายนิทรา ถือหุ้นสื่อ Utv หากศาลตัดสินว่าถือหุ้นสื่อ utv จริงการถูกตัดสิทธิ์ จะมีผลถึงการรับรองผู้สมัครฯ ทำให้การรับรองจากนายนิทราฯ ไม่ชอบต้องจัดการเลือกตั้งใหม่หมดหรือไม่อย่างไร
ตอบ นายนิทรา หัวหน้าพรรคการเมือง ที่มีการจัดตั้งฯ โดยชอบด้วยกฎหมาย มีชื่ออยู่ในข้อบังคับพรรคการเมือง ที่มีนายทะเบียนพรรคการเมือง รับรองประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อมีการเลือกตั้ง นายนิทรา หัวหน้าพรรคการเมืองออกหนังสือรับรองการส่งผู้ได้รับการสรรหา (primary) เพื่อเป็นหลักฐานในการสมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ตาม มาตรา 56 พ.ร.ป.พรรคการเมือง และ มาตรา 45 พ.ร.ป.เลือกตั้งฯ ภายหลังวันเลือกตั้ง
หากศาลตัดสินว่า นายนิทรา ถือหุ้นสื่อฯ มาก่อนเลือกตั้ง 5 ปี แม้ว่า นายนิทรา ออกหนังสือรับรองให้กับผู้สมัครฯ ในช่วงขาดคุณสมบัติมีลักษณะต้องห้าม แต่ก็เป็นคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามของ นายนิทรา ที่สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.
แต่การลงนามรับรองให้กับผู้สมัครของพรรค เป็นการรับรองในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของหัวหน้าพรรคการเมือง ก็มิได้ห้ามหัวหน้าพรรคการเมืองเป็นเจ้าของ หรือ ผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน แต่อย่างใด ตาม ม.16 ,24,9 พ.ร.ป.พรรคการเมือง ประกอบ ม.98 รัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2566 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร้องขอให้ตรวจสอบว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) หรือไม่ จากกรณีถือหุ้นสื่อไอทีวี และให้ตรวจสอบด้วยว่า คุณสมบัติของหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะส่งผลต่อการเซ็นรับรองผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคก้าวไกล หรือไม่ด้วย
ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุถึงกรณีของนายพิธา หากมีการร้องในประเด็นเรื่องเซ็นรับรองสมาชิกพรรค จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ทั้งหมดหรือไม่ ว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องเลือกตั้งซ่อมใหม่ทั้งหมด”