'เรืองไกร' มอง 'พิธา' รับโอนหุ้นไอทีวีเป็นเรื่องดี กังขาทำไมไม่แจ้ง ป.ป.ช.
'เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ' มองโพสต์ 'พิธา' แจงหุ้นไอทีวี ถือเป็นเรื่องดี แม้ใช้ประกอบสำนวนไม่ได้ แต่ก็นำมาเป็นหลักฐานยื่น กกต. พิจารณา ตั้งข้อสังเกตปมโอนหุ้น ทำไมถึงไม่แจ้งข้อมูลกับ ป.ป.ช.
เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2566 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ผ่าน "เนชั่นทีวี" ต่อกรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงการถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ว่า ต้องขอบคุณนายพิธาโพสต์ชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร และเป็นการโพสต์ก่อนที่จะได้เห็นคำร้อง ถือเป็นเรื่องดี เพราะมาจากตัวผู้ถูกร้องเอง ไม่ใช่เลขาฯ หรือคนอื่นมาพูดแทน
นายเรืองไกร กล่าวว่า แต่การโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์เช่นนี้ เข้าใจว่าทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะไม่นำไปใส่ในสำนวน เพราะสิ่งที่จะนำไปประกอบสำนวน จะต้องเป็นเอกสารทางการจากผู้ถูกร้อง ซึ่งน่าจะมีกระบวนการให้นายพิธา ส่งคำชี้แจงอีกครั้ง แต่เมื่อนายพิธาโพสต์ข้อความเอาไว้อย่างยืดยาว ตนในฐานะผู้ร้องก็จะทำหน้าที่รวบรวม ส่งเป็นหลักฐานเพิ่มให้ กกต.
นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า ส่วนน้ำหนักเหตุผลและข้อเท็จจริงที่นำมาชี้แจงนั้น ยังตอบคำถามไม่ได้ทั้งหมด แต่ตนไม่ใช่คนมีอำนาจตัดสิน ฉะนั้น ก็ต้องรอศาลพิจารณาและวินิจฉัย ส่วนการโอนหุ้นไปให้ทายาท และพยายามอธิบายสถานะของไอทีวีในแต่ละช่วงเวลา ว่าไม่ได้ประกอบกิจการสื่อสารมวลชน และไม่ได้เป็นสื่อโทรทัศน์แล้วนั้น มองว่าเป็นการใช้วิธีชี้แจงคล้ายๆ กรณีของ "นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และประธานคณะก้าวหน้า ที่อ้างว่าขายหุ้นไปก่อนแล้ว
"ขับรถเร็วจากบุรีรัมย์กลับบ้านไปโอนหุ้น ซึ่งก็เป็นข้อเท็จจริงที่ชี้แจงกับศาล แต่ศาลจะเชื่อหรือไม่ มองว่าฟังขึ้นหรือไม่ ต้องรอฟังคำวินิจฉัย และคาดว่าในขั้นตอนการพิจารณาของศาล น่าจะเรียกทายาทมาสืบพยาน" นายเรืองไกร กล่าว
นายเรืองไกร กล่าวด้วยว่า ตั้งข้อสังเกตว่า ในข้อความชี้แจงของนายพิธา ไม่ได้ระบุวันที่โอนหุ้นให้ทายาท และไม่ได้ระบุวันที่แจ้งข้อมูลกับ ป.ป.ช. ทั้งๆ ที่เป็นหลักฐานสำคัญที่มีผลต่อคดี แต่ก็ขอขอบคุณที่ได้ชี้แจงมา ชี้แจงเยอะๆ ยิ่งดี เนื่องจากเป็นเรื่องของนายพิธาเอง