‘หัวหน้า8พรรค’เคาะตั้ง2คณะทำงานดูประมง-งบประมาณ

ภายหลังการประชุมคณะกรรมการช่วงเปลี่ยนผ่านของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค ได้แก่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล  นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายกันต์วีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม นายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทยรวมพลัง นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่

นายพิธา กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมมีการหารือใน 2 วาระหลัก ได้แก่ การประเมินสถานการณ์การเมือง และไทม์ไลน์ในการจัดตั้งรัฐบาล รวมทั้งการอัพเดตความคืบหน้าการทำงานของคณะทำงานประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลที่ได้ประชุมกันวานนี้
 

วาระที่ 1 สถานการณ์การเมือง  หัวหน้าพรรคทั้ง 8 พรรค มีความยินดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะได้เร่งดำเนินการรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. ให้ได้ 95%  ซึ่งคาดว่าการจัดตั้งรัฐบาล  จะเลื่อนเข้ามาจะเร็วขึ้นอีก 2-3 สัปดาห์  หากจัดตั้งรัฐบาลได้เร็ว  จะส่งผลดีต่อการบริหารจัดการงบประมาณแผ่นดินและการกระตุ้นเศรษฐกิจ

วาระที่ 2 หัวหน้าพรรคทั้ง 8 พรรค ได้ให้แนวทางในการประชุมครั้งต่อไป  ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 20 มิถุนายน 2566 ณ ที่ทำการพรรคไทยสร้างไทย  พร้อมได้ประสานงานคณะทำงาน และจะตั้งคณะทำงานเพิ่มขึ้นอีก 2 คณะ ได้แก่ 

1.คณะทำงานปฎิรูปประมง ซึ่งอยู่ใน MOU อยู่แล้ว 2.คณะทำงานดูแลการเปลี่ยนผ่านงบประมาณ แม้จะมีงบประมาณผูกพันปี 2566 หากมีการเตรียมการงบประมาณ 2567 จะพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะสามารถทำงานได้เร็ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าข่าวลือว่าพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะยอมวางมือ และข่าวนี้มีความเป็นไปได้สูงที่ ส.ส. ในพรรค จะเข้ามาร่วมรัฐบาล ถือเป็นเรื่องดีหรือไม่ที่ 8 พรรคจะมีเสียงสนับสนุนมากขึ้น พรรคเพื่อไทยพร้อมอ้าแขนรับหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้มีการพูดคุยกันและไม่มีการสมมุติใดๆ 

เมื่อถามว่า  หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับนายพิธา มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะมาจากพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีความมุ่งมั่นที่จะจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ขออนุญาตไม่สมมุติสถานการณ์ และเรามั่นใจว่าจะไม่เกิดขึ้น

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวปิดท้ายว่า มีความรู้สึกว่าสื่อมวลชนมักถามว่า กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้มีอำนาจว่าอย่างไร โดยไม่ค่อยได้ยินคำถามว่า ประชาชนคนเดินดินทั่วไปว่าอย่างไร  เพราะประชาธิปไตยคือ การปกครองโดยประชาชนของประชาชน เพื่อประชาชน อำนาจเป็นของประชาชนโดยแท้

“กกต.เป็นแต่เพียงผู้จัดการให้มีการเลือกตั้ง ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่แก้ไขเมื่อมีปัญหา ขณะนี้เป็นเรื่องของประชาธิปไตยของประชาชน จากการลงพื้นที่พบปะประชาชนตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนสอบถามว่า เมื่อไหร่จะจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ พวกผมรอ เพื่อจะเห็นรัฐบาลมาแก้ปัญหาของพวกผม ราคาพืชผลอาชีพของพวกผมจะว่าอย่างไร”

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้การเลือกตั้งประชาชนสนับสนุนฝ่ายไหนมากที่สุด  ฝ่ายนั้นควรจะตั้งรัฐบาล  ควรจะให้โอกาสเสียงของประชาชน ตนอยากให้สื่อมวลชนได้สะท้อนความรู้สึก และความต้องการของประชาชนในวันนี้ไปให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ และผู้มีอำนาจ ประชาธิปไตยต้องเป็นของประชาชน เพื่อประชาชน และเป็นของประชาชน  คือประชาธิปไตย  ไม่หนีไปจากนี้ทั่วโลก แต่เรากำลังรอ กกต.ว่าอย่างไร ในขณะที่ต่างประเทศไม่ได้บอกว่า กกต.ว่าอย่างไร  กกต.นั้นเป็นเพียงผู้ช่วยให้เกิดการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมเพื่อให้มีรัฐบาลใหม่โดยเร็ว 

“ชาวบ้านถามผมว่าเมื่อไหร่จะมีรัฐบาลใหม่สักที ผมถามกลับไปว่าคุณถามทำไม ไม่เห็นถามเรื่อง กกต. เขาตอบกลับมาว่า ผมไม่สนใจหรอกครับ กกต.ว่าอย่างไร ผมอยากให้มีรัฐบาลที่ผมเข้ามา เข้ามาแก้ปัญหาให้ผมเสียที ผมอยากจะสะท้อนให้สื่อมวลชนได้สะท้อนความรู้สึกของประชาชนมากกว่าเรื่อง กกต.ซึ่งเป็นเรื่องเล็ก ศาลรัฐธรรมนูญก็เป็นเรื่องของคนไม่กี่คน ประชาชนกว่า 70 ล้านคน เขาอยากสะท้อนอะไร ผมว่าอันนี้คือปัญหาใหญ่ของประเทศเราในวันนี้”

“ปัญหาใหญ่ของประชาธิปไตย เราเลิกกลัวเรื่องเผด็จการกันเสียที มันควรจะหมดยุคของการฟังเผด็จการ ฟังของผู้ได้รับการสถาปนาอำนาจจากเผด็จการ ผมอยากให้เป็นเวลาของประชาชนเขาอยากจะได้รัฐบาลของประชาชนครับ” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว