ประเดิมโผ “นายกฯ รักษาการ” “4 เหล่าทัพ-ตร.” ใครเข้าวิน
การปรับย้ายทหาร-ตำรวจ นอกจากพิจารณา ความรู้ ความสามารถและอาวุโสแล้ว ปัญหาภายใน ปัจจัยภายนอกการเมือง ขั้วอำนาจ ล้วนมีผลทั้งสิ้น
ในจังหวะรอรัฐบาลใหม่ “บอร์ด 7 เสือ กลาโหม” หรือคณะกรรมการปรับย้าย เตรียมเคาะบัญชีโยกย้ายนายทหารปี 2566 ซึ่งตามกฎหมายถือเป็นคณะกรรมการเฉพาะการปรับย้าย โดยไม่จำเป็นจะต้องส่งเรื่องขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.)
เช่นเดียวกับการแต่งตั้งโยกย้ายนายพลตำรวจ เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ รักษาการ สามารถดำเนินการได้เลยทั้ง 2 ส่วน
ทำเอาแคนดิแดตเบอร์สอง เบอร์สาม ที่หวังผลเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 ให้เกิดการเปลี่ยนขั้ว เปลี่ยนอำนาจ มีนายกฯคนใหม่ เข้ามาจัดแถวจัดระเบียบ ทลายการวางตัวบุคคลในตำแหน่งต่างๆ ในเหล่าทัพของขั้วอำนาจเก่า เปิดทางคนใหม่ก้าวสู่เก้าอี้สำคัญ ต้องหมดลุ้นไปตามๆ กัน
การจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคการมือง ภายใต้การนำของพรรคก้าวไกล คงเสร็จไม่ทันในการปรับย้ายรอบนี้ เพราะต้องรออีกหลายขั้นตอน ทั้งการรับรอง ส.ส.ให้ครบ 95% จาก กกต. เพื่อทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.เปิดประชุมรัฐสภาฯ และการโหวตนายกฯ ต้องฝ่าด่าน 250 ส.ว.ที่ตั้งมาในยุค คสช. หรือคดีหุ้นสื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ที่อาจถูกสอยเสียก่อน
ดังนั้น เมื่อการปรับย้ายอยู่ในอำนาจของรัฐบาลชุดเดิม ทุกอย่างจึงถูกเซ็ตเอาไว้แล้ว คาดว่า “บิ๊กต่อ” พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รอง ผบ.ทบ.(ตท.23) จะถูกเสนอชื่อให้เป็น ผบ.ทบ. คนที่ 43 ด้วยคอนเนกชั่นทหารคอแดง น้องรักสายตรง พล.อ.ประยุทธ์ ที่เติบโตใน ร.21 รอ. เป็นทหารเสือราชินีด้วยกันมา
อีกทั้งในอดีต “บิ๊กต่อ” เคยนั่งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ (สนช.)ยุค คสช. มุมมองและประสบการณ์งานด้านการเมืองถือว่ามีพอตัว หากต้องไปทำหน้าที่วุฒิสภา( ส.ว.) โดยตำแหน่งอีก 1 ปี ก่อน ส.ว ชุดนี้จะหมดอายุปี 2567
ส่วนเก้าอี้ ผบ.ทสส. คนใหม่ “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด คนปัจจุบัน ก็ยกให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ตัดสินใจเลือกระหว่าง “บิ๊กอ๊อบ” พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี (ตท.24 )รอง ผบ.ทสส. ทหารคอแดง กับ “บิ๊กจ่อย” พล.อ.ธิติชัย เทียนทอง (ตท.24) เสนาธิการทหาร ทหารคอเขียว ลูกหม้อ กองทัพไทย
หลังเกิดปัญหา “ทหารคอเขียว”รู้สึกไม่พอใจที่คนในกองบัญชาการกองทัพไทยไม่ได้รับการสนับสนุนตัดโอกาสคนในไปหลายคน ที่เติบโตมาตามสเต็ป แต่ไม่อาจขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุดได้ ทั้ง “บิ๊กโจ้” พล.อ.ณตฐพล บุญงาม อดีตเสนาธิการทหาร “บิ๊กไก่” พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขา สมช.คนปัจจุบัน
คนในกองทัพฟันธงกันแล้ว หากการปรับย้ายอยู่ในอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ “บิ๊กอ๊อบ”คือ ผบ.ทหารสูงสุดคนต่อไป 100% ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ถึงคุญสมบัติ เพราะ “ผบ.ทหารสูงสุด” ต้องเป็นประธานมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร ในขณะ พล.อ.ทรงวิทย์ เข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหารได้ไม่ถึงเดือน ก่อนจะเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ และไม่ได้จบโรงเรียนนายร้อย จปร.เช่นเดียวกัน
ในส่วนของกองทัพเรือ มีปัจจัยแทรกซ้อนเรื่องภายในและการเมือง ที่จะเป็นตัวชี้วัด ผบ.ทร.คนใหม่ ซึ่งปัจจุบันมีแคนดิเดต ตท. 23 จำนวน 2 คน คือ เสธ.โอ๋ พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ และบิ๊กดุง พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ
แต่ตัวแปรสำคัญ พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้ช่วย ผบ.ทร. (ตท.25) น้องชาย “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีต ผบ.ตร. เพราะแม้ พล.ร.อ.สุวิน จะเป็นรุ่นน้อง แต่อาวุโสกว่า เพราะติดยศพลเรือโทและพลเรือเอกก่อน
ไม่ต่างกับ กองทัพอากาศ ตำแหน่ง ผบ.ทอ.เปรียบเหมือนเป็นเก้าอี้ผลัดกันชม คนละ 1 ปี อีกทั้งการคัดเลือกเปิดกว้าง ขอแค่ติดยศพลอากาศเอก ไม่จำเป็นต้องเติบโตในสายกำลังรบ ไม่ผ่านตำแหน่งผู้ฝูง ผู้การ และเจ้ากรมใดๆ และไม่ใช่นักบินตระกูลเอฟ ตามหลักปฎิบัติกันมา ก็สามารถนั่งเก้าอี้ตัวนี้ได้
ปีนี้ ทอ. มีแคนดิเดต เป็น ตท.23 ถึง 3 คนเกษียณพร้อมกันปี 2567 ทั้ง “บิ๊กหนึ่ง” พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา รอง ผบ.ทอ. “บิ๊กจ๋า” พล.อ.อ.พงษ์สวัสดิ์ จันทสาร ผู้ช่วย ผบ.ทอ. และ “บิ๊กณะ” พล.อ.อ.ณรงค์ อินทชาติ เสนาธิการทหารอากาศ
ฝั่ง “ปทุมวัน” แม้ก่อนหน้านี้ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)ถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่ง ผบ.ตร. คนที่ 14 ต่อจาก “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ตามสูตร “เด่น ต่อ ต่าย โจ๊ก” แต่ดูเหมือนว่าการแบ่งมอบหน้าที่ ความรับผิดชอบตำแหน่ง “รอง ผบ.ตร.”เมื่อปี 2565
ทำให้เกิดข้อสังเกตว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ อาจไม่ใช่ ผบ.ตร.คนต่อไป เพราะไม่ได้รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง เหมือนกับ 4 ผบ.ตร. ในอดีตและปัจจุบันอย่าง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์
ทุกสายตาจึงโฟกัสมาที่ “บิ๊กรอย” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.ดูแลด้านงานความมั่นคงและกิจการพิเศษ (มค.กศ.) นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 24 และ นรต.รุ่น 40 แทน
แต่ล่าสุดชื่อ “บิ๊กต่าย” พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ตท. 25 นรต.41 สอดแทรกมา เพราะวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายได้ อีกทั้งความอาวุโสสามารถเป็น ผบ.ตร. ได้เช่นกัน โดยจะเกษียณ 2569
และที่ไม่ลืมอีกคนคือ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แม้จะมีอายุราชการเหลือ 7 ปี และเคยประกาศว่า "ผมรอได้" แต่ด้วยสถานการณ์การเมืองไม่แน่นอน อนาคตอาจเกิดเปลี่ยนขั้วอำนาจ และเก้าอี้ ผบ.ตร.ก็ อิงตามขั้วการเมือง "บิ๊กโจ๊ก จึงขอสู้ชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.ในปีนี้เช่นเดียวกัน โดยมีอายุราชการถึงปี 2574
อย่างไรก็ตาม การปรับย้ายทหาร-ตำรวจ นอกจากพิจารณา ความรู้ ความสามารถและอาวุโสแล้ว ปัญหาภายใน ปัจจัยภายนอกการเมือง ขั้วอำนาจ ล้วนมีผลทั้งสิ้น