‘วิโรจน์’ ขออย่าเครียด ชี้อนุรักษ์นิยมพยายามแช่แข็งประเทศ ทำนิติสงคราม
‘วิโรจน์’ ทวิตเดือด! ชี้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมอยากแช่แข็งประเทศต่อ แต่กลัวได้ไม่คุ้มเสีย เลยสั่งองค์กรนั่งร้านทำ ‘นิติสงคราม’ เอาชนักปักหลังไว้ก่อน ขออย่าเครียด ทำดีที่สุดแล้ว คนที่เครียดคือพวกพยายามทำให้ ‘สอบตก’ ลั่นเมื่อมีเสียงประชาเป็นธงชัย มันผู้ใดจะหาญกล้ามาทำลาย
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2566 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า ฝ่ายอนุรักษ์นิยม อยากแช่แข็งประเทศต่อ แต่ก็กังวลว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย กลัวว่าค่านิยมทางสังคม ความเชื่อ ที่คอยค้ำยันเครือข่ายศักดินามาช้านาน จะเปลี่ยนแปลงแบบกู่ไม่กลับ
องค์กรที่เป็นนั่งร้าน ตอนนี้ก็งงว่าจะไปต่อยังไง ระหว่างที่รอคำสั่ง ก็ต้องทำนิติสงคราม เอาชนักมาปักหลังไว้ก่อน เมื่อมีเสียงของประชาเป็นธงชัย มันผู้ใดจะหาญกล้ามาทำลาย
องค์กรนั่งร้านเขาไม่คิดอะไรมากอยู่แล้ว ถ้ามีคำสั่งมา ก็พร้อมที่จะใช้นิติสงคราม ฝืนมติของประชาชนอยู่แล้ว เพียงแต่ด้วยนิสัยความเป็นลูกน้อง ก็คงแจ้งหัวหน้ากลับไปว่า "ทำน่ะทำให้ได้ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น ไม่ขอรับผิดชอบนะ" หัวหน้าก็เลยหันรีหันขวาง ไม่กล้ากดปุ่ม
การใช้กฎหมายที่ถูกต้อง คือ การดำเนินการไปตามกฎหมาย ส่วนผลจะเป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น แต่การใช้กฎหมายที่เลว คือ การล็อคผล ตั้งธงให้เป็นไปตามอำเภอใจของผู้มีอิทธิพลไว้ก่อน แล้วก็ก้มหน้าก้มตา หาช่องของกฎหมาย สร้างเหตุ ให้ผลเป็นไปตามธงให้ได้
อย่าไปเครียด ตอนนี้เราทำดีที่สุดแล้ว เหมือนสอบได้คะแนนดีแล้ว ก็รอประกาศขึ้นบอร์ดอย่างเดียว คนที่เครียด คือ คนที่พยายามหาช่องให้คนที่สอบตก แซงขึ้นมาเป็นที่หนึ่ง ตอนนี้คนพวกนี้เครียดมาก เรื่องทำน่ะหน้าด้านทำได้อยู่แล้ว แต่กลัวว่าจะถูกจับได้ กลัวจะต้องรับผิดชอบ ระแวงไปหมด
“คนที่สั่งให้คุณทำความผิด ถึงเวลาเขาไม่ช่วยคุณหรอก มีแต่จะถีบหัวส่ง ให้ความผิดไม่พันมาถึงตัวเอง” นายวิโรจน์ ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การทวิตข้อความดังกล่าวของนายวิโรจน์ เกิดขึ้นภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติไม่รับคำร้องกล่าวหาเรื่องคุณสมบัติการสมัคร ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กรณีถือครองหุ้นสื่อ แต่ กกต.มีมติในการไต่สวนเรื่องดังกล่าวด้วยตัวเอง ในประเด็นรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังลงสมัคร ส.ส. ตามมาตรา 151 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561