'โรม' ซัดใช้ ม.151 หวังแกล้งทางการเมือง เชื่อขวาง 'พิธา' นั่งนายกฯไม่ได้

'โรม' ซัดใช้ ม.151 หวังแกล้งทางการเมือง เชื่อขวาง 'พิธา' นั่งนายกฯไม่ได้

'โรม' ออกโรงซัด กกต.ใช้ ม.151 หวังกลั่นแกล้งทางการเมือง เชื่อขวาง 'พิธา' เป็นนายกฯ ไม่ได้ ลั่นพร้อมสู้คดี ชี้ประชาชนตาสว่างแล้ว 4 ปีที่แล้วทำลาย 'อนาคตใหม่' แต่ได้ 'ก้าวไกล' คนหนุนยิ่งกว่าเดิม 

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2566 นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งเรื่องไต่สวนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวหาว่าเป็นบุคคลมีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตาม มาตรา 151 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กรณีถือครอง หุ้นสื่อ ว่า ขณะนี้ก็ต้องบอกว่ามันมีความพยายามกลั่นแกล้งทางการเมืองอย่างแน่นอน เป็นกรณีที่ต้องการเตะตัดขาพรรคก้าวไกลในการตั้งรัฐบาลและเตะตัดขาไม่ให้นายพิธา มาเป็นนายกรัฐมนตรี ในส่วนของพรรคก้าวไกลก็ยืนยันเต็มที่ว่าเราจะสู้ตามกระบวนการ จะพิสูจน์ในเรื่องของคดีความต่างๆ ตามพยานหลักฐานที่มี และยืนยันในความบริสุทธิ์ของเรา อย่างไรก็ตามต้องบอกว่าการทำแบบนี้ ประชาชนเขาดูออก เขารู้ว่ามันเป็นเรื่องที่มันมีจุดมุ่งทางการเมืองของคนบางกลุ่มที่ต้องการทำลายพรรคก้าวไกล ซึ่งเมื่อ 4 ปีที่แล้วสมัยพรรคอนาคตใหม่เขาก็พยายามทำแบบนี้ วันเวลาผ่านมาถึงขนาดนี้เราก็มองว่าประชาชนยิ่งเห็นอย่างชัดเจนสว่างจ้าในดวงตาว่ากรณีแบบนี้เป็นความพยายามทำให้เหมือนกับที่มันเคยเกิดขึ้นกับพรรคอนาคตใหม่ 

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามวันนี้ตนเชื่อว่าสถานการณ์ทางการเมืองสมัยพรรคอนาคตใหม่กับตอนนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิง เชื่อว่าวันนี้สถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไปแล้ว เราเชื่อว่าคนที่ต้องการใช้กระบวนการทางการเมืองทั้งหลายจะไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากว่ากรณีนี้จะต้องมีการดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายซึ่งจะต้องใช้เวลา เรามั่นใจว่าภายใต้ระยะเวลาที่จะต้องมีการพิสูจน์กันในศาล มันจะเป็นคนละกรณีกับการที่จะต้อง เลือกนายกรัฐมนตรี นั่นหมายความว่าเราสามารถที่จะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก่อนได้

"ยังเชื่อว่าเราจะได้เห็นนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน ส่วนในขั้นตอนทางกฎหมายขณะที่นายพิธาเป็นนายกฯ ก็ต้องไปว่ากัน ยังคงยืนยันว่าต้องไปพิสูจน์กันในศาล แต่กระบวนการนี้จะไม่มีทางขัดขวางนายพิธาเป็นนายกฯ ได้" นายรังสิมันต์ กล่าว 

เมื่อถามว่าบทเดิมและผู้กำกับคนเดิมตลอดหลายปีที่ผ่านมาบทสรุปสุดท้ายของหนังฉากนี้จะจบแบบเดิมหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า

ผู้กำกับรอบที่แล้วเขาคาดว่าจะทำลายพรรคอนาคตใหม่ได้ แต่สิ่งที่เขาได้คือพรรคก้าวไกลที่มีประชาชนพร้อมเคียงข้างและสนับสนุนมากกว่าเดิม ดังนั้นตนคิดว่าคนที่พยายามจะกำหนดอนาคตของพรรคก้าวไกลแล้วหวังว่ามันจะทำลายพรรคก้าวไกลได้ มันจะไม่มีทางเป็นแบบนั้น เราได้พิสูจน์มาแล้วตั้งแต่อนาคตใหม่ว่ามันไม่มีทางจบแบบที่เขาต้องการ 

 

เมื่อถามว่าฝ่ายกฎหมายพรรคก้าวไกลเตรียมรับมือในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า

คงมีการเตรียมการอยู่แล้วแต่เราคงไม่เปิดข้อสอบให้ใคร ดังนั้นตนคงไม่สามารถลงในรายละเอียดอะไรได้ในเรื่องบของการต่อสู้คดีต่างๆ แต่ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลเรามั่นใจในเรื่องของการต่อสู้คดี