คปท.บุกแพทยสภา ปม รพ.ตำรวจรักษา 'ทักษิณป่วย' จ่อไปต่อทำเนียบ 21 ม.ค.นี้

คปท.บุกแพทยสภา ปม รพ.ตำรวจรักษา 'ทักษิณป่วย' จ่อไปต่อทำเนียบ 21 ม.ค.นี้

คปท. บุกแพทยสภา ยื่น 4 ข้อให้กำลังใจ หลังยื่นขอเวชระเบียน “ทักษิณ ชินวัตร”จาก รพ.ตำรวจ  หวังยึดมั่นจรรยาบรรณ เดินหน้าพิสูจน์ข้อเท็จจริง ไม่ตกเป็นเครื่องมือองค์กรฟอกความผิด ลั่นรพ.ตำรวจ ไม่ส่งเอกสารตามเส้นตาย จ่อบุกทำเนียบจี้นายกฯ 21 ม.ค.68 นี้

จากกรณีแพทยสภาส่งหนังสือถึง นายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ  เรื่อง ขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาจริยธรรม  เนื่องจากได้รับคำร้องให้ตรวจสอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เกี่ยวกับกรณีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ผู้ป่วยรายนายทักษิณ ชินวัตร เข้ารับการรักษาในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์

ต่อมาวันที่ 23 สิงหาคม 2566 ถูกส่งต่อการรักษาไปยังโรงพยาบาลตำรวจ และจนกระทั่งผู้ป่วยได้เดินทาง ออกจากโรงพยาบาลตำรวจกลับมายังบ้านพัก เนื่องจากได้รับการพักโทษตามประกาศกรมราชทัณฑ์ฯ โดยผู้ป่วยได้รับการพักโทษ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งครบกำหนดที่ รพ.ตำรวจจะต้องส่งมอบเอกสารที่ร้องขอให้แพทยสภาในวันที่ 15 ม.ค.2568

ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ม.ค.2568 ที่อาคารมหิตลาธิเบศร ที่ตั้งแพทยสภา ภายในกระทรวงสาธารณสุข นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) พร้อมมวลชน เดินทางยื่นหนังสือถึง นายกแพทยสภาและกรรมการแพทยสภา เรื่อง ขอให้ยึดมั่นในจรรยาบรรณแพทย์ โดยระบุ 4 ข้อ ได้แก่

1. แพทยสภา เดินหน้าพิสูจน์ความจริง เหมือนที่แพทย์พิสูจน์โรคร้ายในตัวคน ว่าป่วยชนิดไหนแล้วให้ยารักษา  กรณีก็เช่นเดียวกัน แพทยสภาต้องพิสูจน์และวินิจฉัยความจริงให้ปรากฎแก่ประเทศไทยแล้วฉีดยาความจริงให้ความถูกต้องปรากฏขึ้นมาให้ได้ เพื่อรักษาไว้ซึ่งกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย และมาตรฐานทางการแพทย์เอง

2. เราขอให้กำลังใจแพทยสภา อย่าให้การเมืองเข้ามาแทรกแซงการตรวจสอบในเรื่องนี้ เพื่อหวังจะให้ แพทยสภาเป็นองค์กรฟอกขาว ให้กับการป่วยทิพย์ของนักโทษเทวดา

3. เราจะร่วมกับแพทยสภาเพื่อเดินหน้าขอเอกสารทางการแพทย์หลายรายการที่แพทยสภาขอไปยัง โรงพยาบาลตำรวจ เพราะถือเป็นพยานเอกสารทางสังคมที่ทั้ง ป.ป.ช. ก็ต้องการเพื่อนำมาสู่การพิสูจน์ความจริงแก่ประเทศไทย

4. เราหวังว่าแพทยสภา จะยืนอยู่บนความถูกต้องยึดมั่นในจรรยาบรรณของแพทย์ในการสร้างความจริงอย่างถึงที่สุด

นายพิชิต กล่าวว่า  สังคมมีข้อสงสัยในการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร  ทำให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และแพทยสภาร่วมกันตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว ซึ่งวันที่ 15 ม.ค.2568 เป็นวันที่ครบกำหนดเส้นตายที่แพทยสภาให้รพ.ตำรวจส่งเอกสารทางการแพทย์ กรณีการรักษานายทักษิณ  

พวกเราจึงเดินทางมาให้กำลังใจแพทยสภา ในการเดินหน้าพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่นายทักษิณอ้างว่าเจ็บป่วยต้องรักษาตัวนานกว่า 180 วัน ว่าการป่วยนั้นป่วยทิพย์หรือไม่ ป่วยอย่างไร  ซึ่งแพทยสภามีหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้อยู่แล้ว จึงขอให้กำลังใจเดินหน้าพิสูจน์ความจริง รักษากระบวนการยุติธรรม รักษาอาการป่วยของประเทศไทย หากไม่กระจ่างก็ตั้งคำถามอย่างนี้ไปเรื่อยๆ

นายพิชิต กล่าวด้วยว่า วันนี้มาให้กำลังใจ และมีความห่วงใยว่าจะมีการเมืองแทรกแซงแพทยสภา หากแพทยสภาปล่อยให้การเมืองแทรกแซงได้ แพทยสภาก็จะกลายเป็นองค์กรฟอกความผิดให้นายทักษิณ กลายเป็นตราประทับ ตราบาปชนิดหนึ่ง แต่เชื่อมั่นว่าด้วยจรรยาบรรณของแพทย์ ด้วยวิชาชีพของแพทย์ จะรักษาจรรยาบรรณให้ถึงที่สุดด้วยการพิสูจน์ความจริงให้สังคมได้ทราบว่า มีคณะแพทย์ชุดหนึ่งร่วมกันปกปิดอาการป่วยของนายทักษิณหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพทย์ที่รพ.ตำรวจ

“แพทยสภาอยู่ใกล้ชิดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีรัฐมนตรีที่อยู่ภายใต้สังกัดพรรคเพื่อไทย จึงกลัวว่าจะมีการแทรกแซงทางการเมือง กดดันแพทยสภา ทำให้แพทยสภากลายเป็นองค์กรฟอกความผิดเสียเอง จึงหวังว่าแพทยสภาจะยึดมั่น รักษามั่นใจจรรยาบรรณของแพทย์ เพราะถ้าวันนี้เรื่องนี้ผ่านไป คนที่ป่วยจริงๆ คือกระบวนการยุติธรรม  คนที่ป่วยคือ ประเทศไทย วันนี้แพทยสภาเป็นทางออก ทางรอดหนึ่งที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้สังคมได้อย่างชัดเจน แล้วฉีดยาความจริงให้สังคม ซึ่งความจริงนั้นอยู่ที่เวชระเบียนที่จะช่วยรักษากระบวนการยุติธรรม ”นายพิชิต กล่าว   

 

นายพิชิต กล่าวด้วยว่า  ที่ผ่านมาท่าที รพ.ตำรวจ ส่อว่าจะไม่ส่งเวชระเบียนให้หน่วยงานตรวจสอบตามที่ร้องขอมาตลอด รวมถึง ป.ป.ช. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีสภาพบังคับตามมีกฎหมายสามารถเรียกเอกสารจากทุกหน่วยงานได้ มากกว่าแพทยสภา ทางรพ.ตำรวจ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ยังไม่ส่งเอกสารไปให้

ดังนั้น หากภายในวันที่ 15 ม.ค.2568 แล้วยังไม่ส่งมา ทาง คปท. อดีตแกนนำพันธมิตร แกนนำ กปปส. แกนนำ นปช. และหลายคณะ  จะนัดหมายรวมตัวกันไปทวงถามจากน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี วันที่ 21 ม.ค.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล ในฐานะเป็นหัวหน้ารัฐบาล เป็นผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบบนิติรัฐนิติธรรมมาโดยตลอด ว่าจะจัดการระบบนี้อย่างไรให้เกิดความยุติธรรม รัฐบาลต้องทำหน้าที่พิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ได้ ต้องสั่งให้ รพ.ตำรวจนำเวชระเบียนส่งให้ ป.ป.ช. และแพทยสภา

“สิ่งที่เรายืนยันมาตลอดคือ รัฐบาลต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่รัฐบาลน.ส.แพทองธาร ก่อนหน้านี้ตั้งคำถามถึงอาการป่วยทิพย์ของนายทักษิณที่เข้ารักษาตัวกว่า 180 วัน โดยเฉพาะ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ซึ่ง อยู่ในอำนาจของพ.ต.อ.ทวี ตั้งแต่ 120 วันแรกในการรักษาตัว สามารถพิจารณาได้ เมื่อป.ป.ช.ตั้งองค์คณะมาตรวจสอบข้าราชการกระทรวงยุติธรรม เป็นหน้าที่ พ.ต.อ.ทวีต้องรับผิดชอบทางการเมือง ลาออกจากตำแหน่งด้วยซ้ำไป เพราะทำให้กระบวนการยุติธรรมภายใต้การทำงานของตัวเองบิดเบี้ยว แต่เมื่อไม่ลาออกเราก็ต้องสื่อสารไปยังนายกฯ”นายพิชิต กล่าว   

ด้านผู้แทนฝ่ายกฎหมายแพทยสภา กล่าวว่า ตนจะนำเรื่องส่งถึงผู้บริหารต่อไป ขอยืนยันว่า แพทยสภาเป็นองค์กรตามพ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม กรรมการแพทยสภา มาจากการเลือกตั้งของสมาชิก ไม่ได้ขึ้นตรงกับกระทรวงสาธารณสุข จึงยืนยันว่าไม่ได้มีการเมืองแทรกแซง ส่วนเอกสารการรักษาของนายทักษิณ ที่มีการขอไปที่รพ.ตำรวจ นั้นยังต้องรอจนถึงตอนเย็นวันที่ 15 ม.ค.2568 ส่วนรายละเอียดและความคืบหน้าของการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้นเป็นหน้าที่ของอนุกรรมการที่ตั้งขึ้นมา รายละเอียดยังเป็นความลับ

“หากในวันนี้ยังไม่มีการส่งเอกสารมาให้ตามที่มีการเรียกไป ทางอนุกรรมการก็พิจารณาจากข้อมูลที่มีอยู่ หากเห็นว่าครบถ้วนก็ตัดสินได้เลย กับอีกทางหนึ่งหากอาจมีการเชิญบุคคลมาให้ข้อมูลก็ได้ เป็นไปตามดุลยพินิจของอนุกรรมการฯ”ผู้แทนกล่าว 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์