“เสรี” ขุด คำพิพากษาศาลฎีกา มัด “พิธา” ปม หุ้นitv ชี้ สะดุดขาตัวเอง
“เสรี” เผย เตรียมนำมติ “กกต.” ตีตกคำร้องหุ้นitv-ม.151 เข้าหารือ กมธ.พัฒนาการเมืองฯ 20 มิ.ย. ยัน “พิธา” สะดุดขาตัวเองเก็บหุ้นไว้ ขุดเจอคำตัดสินศาลฎีกา ระบุเมื่อเจ้ามรดกเสียชีวิต ให้กรรมสิทธิ์หุ้น-ทรัพย์ มรดก ตกเป็นของทายาททันที ไม่ใช่แค่ผู้จัดการมรดก
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐนะในฐานะประธานคณะกรรมาธิกร (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตีตก 3 คำร้องกรณีถือหุ้นไอทีวี ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล แต่รับพิจารณา มาตรา 151 เหตุรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งว่า กมธ.ฯจะมีการประชุมในวันอังคารที่ 20 มิ.ย.เนื่องจากงดการประชุมกมธ.วันอังคารที่ 13 มิ.ย. เพราะ กมธ.หลายคนติดภารกิจ โดยจะนำคำสั่งของกกต.มาพิจารณาศึกษาดูอีกรอบ และต้องบอกให้ กกต.พูดให้ชัดๆ เพราะตอนนี้ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ได้แค่มุมเดียวมุมหนึ่งคือเรื่องที่เป็นความผิดในปัจจุบัน แบบที่ตรวจสอบได้ ซึ่งเราก็พยายามเข้าใจว่ากกต. จะเอาเรื่องในอำนาจหน้าที่ที่เขาควรตรวจสอบได้ตอนนี้ คือมาตรา 151 การ กระทำนี้ไม่ได้ผิดกฎหมายเรื่องเดียว แต่ผิดกับกฎหมายหลายเรื่อง เพียงอาจจะไม่ถึงเวลา แต่กกต.ต้องพูดให้ชัด ว่าหลังจากนี้ถ้าไปพบว่ามีการกระทำความผิด มีขั้นตอนอะไรที่จะต้องทำเพื่อให้ประชาชนไม่สับสน แล้วตีความกันไปเอง
“ตอนนี้ก็ตีความกันไป ฝ่ายนี้ก็ตีความเข้าข้างตัวเอง อีกฝ่ายก็ตีความไปอีกทาง ดังนั้น ความที่ไม่ชัดเจนตรงนี้ กกต. ก็ควรที่จะพูดให้ชัด ถ้าไม่พบความผิดก็ยกไป แต่ถ้าพบการกระทำความผิดจะมีอะไรเกิดขึ้นมาอีก จะต้องไต่สวนเพิ่มเติม และถ้าขาดคุณสมบัติจริง ถ้ารับรองไปแล้ว ขั้นตอนจะเกิดอะไรขึ้นอีก กกต.ก็พูดได้” นายเสรี กล่าว
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่พรรคก้าวไกล ออกมาระบุว่าการที่กกต.มีมติพิจารณามาตรา 151 เป็นการเตะตัดขานายพิธา เพราะมาตรา 151 มีโทษร้ายแรง นายเสรี กล่าวว่า โทษนี้เป็นโทษของการกระทำอยู่แล้ว มีร้ายแรงไม่ร้ายแรง หรือจะมีโทษแค่ไหนก็ต้องดูที่กฎหมาย และไม่ได้เป็นการตัดขา เขาเรียกว่าสะดุดขาตัวเอง เพราะคุณทำเองทั้งนั้น แล้วจะไปว่าใครเขาตัดขา
“ไม่มีใครเขามาเตะตัดหาหรอก เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องสะดุดขาตัวเองทั้งนั้น ทำเองเออเอง สะดุดเอง ล้มเอง แล้วโทษคนอื่นเขา” นายเสรี กล่าว
เมื่อถามว่า มองว่านายพิธารู้อยู่แล้วใช่หรือไม่ เพราะไอทีวียังไม่ได้จดทะเบียนเลิกกิจการ นาเสรีกล่าวว่า ต้องรู้อยู่แล้วถึงแม้ตัวเองจะคิดอย่างไรก็ตาม ก็ต้องระแวดระวัง ถ้าเขาถือหุ้นไอทีวีอยู่ก็ยังโอนเปลี่ยนมือไป ไม่ได้ถือไว้ แสดงว่าทุกคนรู้อยู่แล้ว แต่ทำไมนายพิธาดันเก็บไว้
นายเสรี กล่าวต่อว่า หนังเรื่องนี้มันอีกยาว เพราะตอนนี้ตนไปเจอคำพิพากษาของศาลฎีกาที่เคยตัดสินเรื่องเหล่านี้มาก่อน ที่ตัดสินว่าเมื่อเจ้ามรดกเสียชีวิต ให้กรรมสิทธิ์ในหุ้น ในทรัพย์มรดกตกเป็นของทายาทโดยอัตโนมัติทันทีตามกฎหมาย ไม่ใช่แค่เป็นผู้จัดการมรดกอย่างเดียว ดังนั้น การที่นายพิธาบอกว่าเป็นผู้จัดการมรดกจึงไม่ใช่ ทั้งนี้ตนจะนำฎีกาดังกล่าวมามอบให้สื่อมวลชนดูด้วย