‘เรืองไกร’ ยื่นหลักฐานเพิ่ม ชง 4 ประเด็นให้ กกต.สอบหุ้น ITV ‘พิธา’ ปัดปลุกผี
‘เรืองไกร’ รุดหน้าต่อ! เปิด 4 ประเด็น ยื่นหลักฐานเพิ่มปม ‘พิธา’ ถือหุ้น ITV โดน กกต.ไต่สวนตาม ม.151 ลั่นไม่ได้ปลุกผี เผยถ้ารับรองเป็น ส.ส. ลุยร้องต่อตาม รธน. ม.82
เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้ายื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อ กกต. กรณีการถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น ITV ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในประเด็นที่ กกต. ตั้งคณะสืบสวนสอบสวนและไต่สวนฯ ตามมาตรา 151 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 โดยเห็นว่าควรเอาเอกสารส่งเพิ่ม แม้เข้าใจว่าคำร้องที่ตนได้ยื่นถูกตีตกไป
นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า ในประเด็น มาตรา151 เมื่อ กกต. แถลงต่อประชาชนไปแล้ว มีข้อมูล 4 ประเด็นที่จะมามอบให้ ดังนี้
1.กรณีที่นายพิธาโพสต์ใน Facebook ของตนเอง
2.เรื่องการโอนหุ้นของนายพิธาที่มีการโอนในวันที่ 25 พ.ค.66
3.รายงานการประชุมวาระท้ายที่เกี่ยวกับการซักถามของการประชุมผู้ถือหุ้น itv ณ วันที่ 26 เม.ย. 66 ที่มี การถามคำถามเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของ itv รวมถึงไม่ตรงกันกับคลิปภาพที่ออกมา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับคำร้อง และไม่ทำให้ข้อกฎหมายของรัฐธรรมนูญเปลี่ยนไป และข้อเท็จจริงที่มาร้องเปลี่ยนไป เพราะกฎหมายบอกว่าผู้สมัครต้องไม่เป็นผู้ถือหุ้น
4.วัตถุประสงค์ของบริษัท itv หลังจากถูกบอกเลิกสัญญาจาก สปน. วัตถุประสงค์หลักยังอยู่ คือ การดำเนินธุรกิจสื่อ แต่งบการเงินในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 มีการระบุไว้ว่า มีการทำธุรกิจสื่อตั้งแต่เดือน ก.พ. 2566 และจะรับรู้รายได้จากการทำสื่อดังกล่าวในไตรมาสที่ 2 พร้อมแนบหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นบริษัท itv บางส่วน ปี 61 และ 62 โดยมีแผนธุรกิจอย่างละเอียด
“ส่วนที่พรรคก้าวไกลยอมรับว่า นายพิธาถือหุ้นสื่อจริง แต่เหตุใดไม่แจ้งการถือหุ้น 42,000 หุ้น ของ itv ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ส.ส. และมีการยื่นเพิ่มเติมภายหลังนั้น เพื่อต้องการที่จะปกปิดหรือไม่ และยังมีการเลื่อนการยื่นบัญชีทรัพย์สิน หลังจากพ้นตำแหน่ง ส.ส. อีก จึงขอเรียกร้องให้นายพิธา เปิดบัญชีทรัพย์สินทันที หลังจากที่ยื่น ป.ป.ช. หมดแล้ว โดยไม่ต้องรอให้ ป.ป.ช.เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และตนไม่เชื่อว่าทรัพย์มรดก จะมีแค่หุ้นนี้เท่านั้น” นายเรืองไกร กล่าว
นายเรืองไกร กล่าวด้วยว่า ยืนยันว่าการยื่นตรวจสอบการถือครองหุ้นสื่อของนายพิธา ไม่ใช่เป็นกระบวนการปลุกผี เพราะตนเองไม่ใช่พ่อมดหรือหมอผี ตนทำคนเดียว ไม่คิดอะไรเกินเลย มีหน้าที่ร้องก็ร้อง ตรงไหนที่เห็นว่าเป็นประโยชน์กับผู้ถูกร้องก็ส่งให้ แต่ตนจะไม่ชี้นำสังคมก่อนกระบวนการและเจ้าหน้าที่พิจารณาตัดสิน เพราะทุกวันนี้ (13 มิ.ย.) กระบวนการสังคมมีการชี้นำกัน แล้วจะมีเจ้าหน้าที่มีซ้ำไว้ทำไม
"ผมไม่กังวล กรณีที่ถูกยื่นร้องว่าใช้เอกสารเท็จในการยื่นตรวจสอบ พร้อมยืนยันว่า ทันทีที่ กกต. รับรองผลการเลือกตั้งแล้ว จะมายื่นร้องเอาผิดต่อนายพิธาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 อีกครั้ง เรามาตามระบบก็ควรสู้ตามระบบ ท่านมาจากการเลือกตั้งก็ควรสู้ตามระบบ มีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใดที่บัญญัติว่าผู้ชนะการเลือกตั้งห้ามตรวจสอบใหม่ เราเลือกตัวแทน ส.ส.เขตและส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ขอให้เข้าใจข้อกฎหมายให้ชัดด้วย" นายเรืองไกร กล่าว