ศึกชิง ผบ.ตร.คนใหม่ "ชูวิทย์" ฟันธง คดีรีดทรัพย์ 140 ล้าน

ศึกชิง ผบ.ตร.คนใหม่ "ชูวิทย์" ฟันธง คดีรีดทรัพย์ 140 ล้าน

"ชูวิทย์" ฟันธงคดี "ผู้การชลบุรี" รีดทรัพย์ 140 ล้าน โยงศึกชิง ผบ.ตร.คนใหม่ ชี้แค่หมากตัวหนึ่ง เผยมีการเตรียมงานอย่างดี เชื่อแคนดิเดตหลายคนแย่งทำผลงาน ทั้ง "บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก"

19 มิ.ย.2566 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในคดีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ยื่นฟ้อง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ ในข้อหาหมิ่นประมาท จากกรณีที่นายษิทราจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน อาทิ วันที่ 23, 24-27 มีนาคม

โดยเนื้อหามีการระบุว่า นายชูวิทย์รับเงินจากเว็บการพนันและสารวัตรซัว จำนวน 10 ล้านบาท พร้อมเผยแพร่กราฟิกภาพถุงกระดาษบรรจุเงิน 2 ถุง ทำให้เนื้อหาข่าวถูกเผยแพร่ต่อสาธารณชนอย่างกว้างขวาง เป็นเหตุให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อนายชูวิทย์และลูกชายอีกคน เพราะนายษิทรายังกล่าวหาว่าลูกชายชูวิทย์รับเงินสกุลดิจิทัล

วันนี้นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พร้อมด้วย นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เดินทางมาศาล

นายชูวิทย์ กล่าวถึงกรณีการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องประเด็นรีดทรัพย์ผู้ต้องหา จำนวน 140 ล้านบาท ของผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และต่อมาชูวิทย์โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการแซะเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ. ตร)คนใหม่ที่กำลังจะมีการพิจารณาในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า

 วันนี้ประเทศไทยค่อนข้างประหลาด จากตำรวจเป็นโจรโจรเป็นตำรวจ ตามปกติแล้วไม่มีโจรที่ไหนอยากไปมีเรื่องกับตำรวจ แต่เหตุการณ์นี้คงจะมากเกินไป มีความรักมากเกินไปและแค้นมากจน ทำให้โจรต้องมาแจ้งจับตำรวจ เหมือนสมัยที่ตนช่วงที่ทำกิจการอาบอบนวด และออกมาเปิดเผยตำรวจที่เรียกรับเงิน ก็เพราะว่าตัวเลขที่เรียกมามากเกินไปจนทำให้ตนออกมาแฉ ส่วนกรณีของเป้ อาจจะแตกต่างตรงที่มีผู้อยู่เบื้องหลัง เนื่องจากถูกรีดเงินจำนวนมากและต่อเนื่องเป็นเวลานานจนไม่มีทางออกและตัดสินใจออกมาเปิดโปง

สำหรับตัวละครสำคัญอยู่ที่คนชื่อ บอย แหล่งข่าวตนรายงานว่าจะมามอบตัวช่วงบ่ายของวันนี้ ความสำคัญบอย เป็นผู้เจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ต้องหา ถือว่าเป็นตัวละครสำคัญ ซึ่งมีความเกี่ยวโยงตั้งแต่สมัยของหลงจู๋สมชาย เป็นผู้ที่มีทรัพย์สินมาก คิดว่าถ้ามีการมอบตัวน่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในภาคธุรกิจสีเทาของฝั่งตะวันออก เพราะบอยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคน ทำให้บอยมีบทบาท ในการรีดเงินต่างๆ และมีความเป็นไปได้บอย น่าจะมีเส้นสายมากกว่า นายต้น ซึ่งเป็นสองคนที่เกี่ยวกับการรีดทรัพย์


ที่ตนบอกว่าให้จับตาดูให้ดีเพราะตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังไม่ลงตัว ในส่วนของผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ถือว่าเป็นหมากตัวหนึ่ง หากจะกระทำการเองก็คงจะทำไม่ได้ เพราะความรู้ความสามารถอาจจะไม่พอ เรื่องนี้ตนจึงคิดว่ามีคนที่ใหญ่กว่านั้นรู้เรื่องมากกว่า

ที่ผ่านมาการจ่ายเงินของเว็บไซต์พนันมีราคามาก สำหรับประเทศไทยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึง 3 หน่วยงาน แต่เว็บพนันเหล่านี้ต่างก็ไม่ได้ลดลง ฉะนั้นจึงต้องติดตามว่ารัฐบาลใหม่ที่มาจะจัดการเรื่องนี้ได้เพิ่มขึ้นมากหรือไม่ เพราะการทุจริตคอร์รัปชั่น กลายเป็นเรื่องปกติกลายเป็นเรื่องความรัก รักมากต้องจ่ายมาก

ส่วนวลี “เป้รักผู้การเท่าไร ให้เป้เขียนมา” เป็นคำพูดที่มีการร่างบทมาก่อน ส่วนผู้การฯจะเป็นคนพูดเองหรือไม่ตนไม่ขอพูด

การที่ผู้ต้องหาอย่างเป้มาแจ้งความตำรวจถือว่าเป็นเรื่องที่ประหลาด ถ้าโจรไม่ได้ถูกบีบขนาดนั้นคงจะไม่กล้าที่จะมาแจ้งความตำรวจ เกมนี้ที่มองเห็นอาจจะมีอะไรลึกซึ้งไปกว่านั้น ในระยะเวลาที่ไม่นานที่จะมีการผลัดเปลี่ยนตำแหน่งทุกคนก็จะต้องแสดงผลงาน ส่วนตนเองรู้มากกว่านั้นแต่พูดตรงๆว่าไม่ อยากจะยุ่งเกี่ยวด้วยไม่ใช่เรื่องของตน ไม่ใช่ศึกของตน

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ส่วนผู้ที่แข่งกันทำผลงานในฐานะแคนดิเดต ผบ.ตร. มีทั้งพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนอื่นๆ ต่างก็ต้องแข่งขันสร้างผลงาน เป็นเรื่องปกติ

ด้าน นายอนันต์ไชย ไชยเดช ทนายความ นายชูวิทย์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการไต่สวนมูลฟ้องกรณีที่ทนายตั้มได้แถลงข่าวเกี่ยวกับเงิน 6 ล้านบาทในทำนองว่าชูวิทย์ชอบเรียกเว็บพนันออนไลน์มาที่โรงแรมเดอะเดวิด และทำการตกทรัพย์รวมถึงมีการพูดถึงเงินดิจิทัล 50 ล้านบาทที่รบุตรชายของชูวิทย์ได้รับจากเว็บพนัน

ตนได้เคยบอกไปแล้วว่าการที่เราเป็นทนายความ เราจะเอาคำพูดที่คิดว่าเห็นว่า โดยไม่มีพยานหลักฐาน มาทำกราฟิกบอกว่าเงินน่าจะเป็นเท่าใด มันเป็นเรื่องไม่ควร สำหรับคดีอาญาต้องมีประจักษ์พยานชัดเจน ที่ผ่านมาแม้หลักฐาน99.99% ศาลยังเคยยกฟ้อง

นายอนันต์ไชย กล่าวต่อว่า ทนายตั้มเองไม่มีส่วนได้เสียกับทางชูวิทย์ แต่มาตั้งโต๊ะแถลงข่าวเรียกสื่อมวลชน เรียกชูวิทย์ไปด่าก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรถ้ามีข้อขัดแย้งหรือถ้ามีส่วนที่โกรธเคืองมาก่อนอย่างนั้นก็ว่าไปอย่างแต่นี่ไม่มีเลยอยู่ๆก็มาตั้งโต๊ะแถลงข่าว โดยหลักการของตนตนยืนยันว่าจะไม่ด่าใครก่อน

วันนี้ที่เรามาเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ทนายตั้มก็ควรพิสูจน์ตัวเองด้วยถ้าคิดว่ามีส่วนได้เสีย มีพยานหลักฐานก็ขอให้เปิดมาในเรื่องนี้ถ้าเป็นเรื่องจริงถือว่ายิ่งผิด เพราะเป็นการเอาเรื่องส่วนตัวมาเป็นประเด็น ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ สิ่งนี้ในข้อกฎหมายระบุว่าถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวของชีวิต การเอาออกมาพูดออกสื่อก็ถือว่าผิด

ทั้งนี้เมื่อถามว่าหากทนายตั้มมาเจรจาจะยอมรับหรือไม่ อนันต์ไชยกล่าวว่าเจรจาได้หากสำนึกผิดแล้วก็ยินดี ไม่ใช่ว่าทางฝั่งเราจะเอาเป็นเอาตาย