"ส.ว." เคลื่อนไหว ชี้ "ก้าวไกล" ปั่นราคา เผย "ส.ว." ประกาศหนุน "พิธา" ถอยแล้ว
"เสรี" ซัด "ก้าวไกล" ปั่นราคา ส.ว.ถอยหนุน "พิธา" นั่งนายกฯ ด้าน "วันชัย" ชี้ "ฝั่ง312" จะแพ้ศึก หลังอีกฝั่ง รวบตึง ส.ว. 200 เสียงหนุนโหวตนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวของ ส.ว. ต่อประเด็นทางการเมือง หลังจากที่ ส.ส.ผ่านการรับรองจาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และเข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ทั้งนี้มีข่าวเบื้องต้นแจ้งว่าจะมีการเปิดประชุมนัดแรก 3กรกฏาคมนี้
โดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมทางการเมือง วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ต่อประเด็นที่พรรคก้าวไกลเผยถึงทิศทางที่ดีที่ส.ว.จะสนับสนุนนายกฯของพรรคก้าวไกล ว่า เป็นการปั่นราคาทางการเมืองหรือปั่นหุ้นทางการเมือง เพราะจากที่ตนรับทราบ ส.ว.ที่เคยประกาศสนับสนุนนายกฯของเสียงข้างมาก ประมาณ 20 คนนั้น ส่วนใหญ่ไม่เคยเอ่ยชื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯของพรรคก้าวไกล แม้จะมีคนที่เอ่ยถึงชื่อแต่ทราบว่าเขาถอยแล้ว
“ในกมธ.การพัฒนาการเมือง ยังมีประเด็นที่ตรวจสอบเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายพิธา ซึ่งผมยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เพราะขณะนี้ยังเป็นขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่ส่งหนังสือไปยังหน่วยงานเพื่อขอข้อมูล โดยเป็นประเด็นเกี่ยวกับหนี้สินและทรัพย์สินที่สอดคล้องกับปมคุณสมบัติ” นายเสรี กล่าว
ขณะที่นายวันชัย สอนศิริ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค ระบุว่า
“ฝ่าย 312 ชนะเลือกตั้งขาดลอย... แต่แพ้คะแนนโหวต
อีกฝ่าย 188 แพ้เลือกตั้งราบคาบ... แต่ชนะคะแนนโหวต
ต่างฝ่ายต่างแพ้ ต่างฝ่ายต่างชนะ จะมีใครยอมใครมั้ยเนี่ย...
ตอนนี้มีคนกำลังจะทำให้ฝ่ายที่ดูว่าแพ้กลับมาชนะแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด...
ผมรู้นะ... แต่อุบไว้ก่อน... ขอนั่งสมาธินิ่งๆอยู่วัดไก่เตี้ย...”
และก่อนหน้านั้นยังระบุว่า “รู้แล้วจะหนาว เกมนี้มันหลายชั้นจริงๆ พลิกไปพลิกมา ล็อคถล่มแผ่นดินทลาย คอยดูเถอะ...”
อย่างไรก็ดีนายวันชัย ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการสนามข่าว 101 เมื่อ 22 มิถุนายน ต่อประเด็นการเมือง ตอนหนึ่งว่า ซีกหนึ่งได้ 312 เสียง ชนะการเลือกตั้งแต่แพ้คะแนนโหวต ที่ต้องการ 376 เสียง โดยตัวเลขทางคณิตศาสตร์ ฟากหนึ่งชนะเลือกตั้ง แต่แพ้คะแนนโหวต ส่วนอีกฝ่ายแพ้เลือกตั้งราบคาบ แต่ชนะคะแนนโหวต แปลว่า อีกฝ่ายได้ 188 - 190 เสียง ยอมบวกกับ 200 จากฝั่งวุฒิสภา แปลว่า ฝ่ายหนึ่งแพ้เลือกตั้ง แต่ชนะคะแนนโหวต อีกฝ่ายชนะเลือกตั้ง แพ้คะแนนโหวต ทั้งนี้ตนนั่งคิดเอาเอง ที่ว่าฝ่ายหนึ่งชนะสงคราม แต่ไม่ชนะศึก อีกฝ่ายที่แพ้สงครามแต่ชนะศึก
“ฝ่ายหนึ่งชนะเลือกตั้งได้ 312 เสียง แห่รอบโบสถ์ เตรียมนำนาคเข้าโบสถ์ แต่กุญแจโบสถ์มีรหัส 376 เข้าไม่ได้ แต่กลุ่มอำนาจเดิมมี 190 ไม่ได้แห่นาคเลย พรวดถึงประตูโบสถ์ บวก 200 เข้าโบสถ์ได้เลย แต่อาจจะทำพิธีกรรมไม่ได้ ขานนาคไม่ได้ กฎหมาย งบประมาณ พิธีกรรม ต้องใช้ 250 ขึ้น แต่เข้าโบสถ์ได้ คนที่รอหน้าโบสถ์ ทนตากแดด เปียกฝน อย่าง หมดชลน่าน ศรีแก้ว ก็เปียกฝน ตากแดดอยู่หน้าโบสถ์ แต่คนที่อยู่ในโบสถ์ บวชได้ก็ต้องถูกจับสึก ตัวเลข 190 ขาดอีก 60 จะได้ 250 ผมคิดแบบหยาบๆ ตั้งรัฐบาลใช้เงินหมื่น-สองหมื่นล้านนั้นเด็กๆ คะแนนที่เหลือ 60 เอาไปคนละ 100 ล้าน ก็ใช้แค่ 6,000 ล้านบาท ผมคิดแบบนี้อาจจะผิดก็ได้ ผมขอกราบอภัย ส.ส.” นายวันชัย ให้สัมภาษณ์และกล่าวทิ้งท้ายว่าเป็นปริศนาธรรมเท่านั้น.