"สามารถ" เปรียบ "สามก๊ก" ไม่เชื่อ "ก้าวไกล" จะยกประธานสภาให้ "เพื่อไทย"
"สามารถ" ไม่เชื่อ พรรคก้าวไกล จะยกประธานสภาให้ "เพื่อไทย" เปรียบ "สามก๊ก" เตียวหุย วางอุบาย หลอกโจโฉ เช่นเดียวกับ ปัจจุบัน พิธา วางอุบายหลอก เพื่อไทย
นาย สามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัว ระบุว่า "เพื่อไทย" เพื่อให้ตั้งรัฐบาลได้ เสนอสูตรใหม่ นัดประชุม 30 มิ.ย.
ก้าวไกล 15+1 รัฐมนตรี 15 นายก 1
เพื่อไทย 13+1 รัฐมนตรี 13 ประธานสภา 1
สูตรนี้เพื่อไทย เหมือนใจกว้าง โยนปัญหากลับไปที่พรรคก้าวไกล ดูแบบผ่านๆ ก็ไม่น่ามีปัญหา ก้าวไกล น่าจะตอบรับ... แต่ผมมั่นใจว่า ก้าวไกล ไม่รับเงื่อนไขนี้แน่นอน
เพราะ ก้าวไกล จะเป็นนายกฯได้ ประธานสภา ต้องเป็นคนของตนเอง เพราะจะเป็นคนกำหนดเกม ผมเห็นคุณพิธา พูดเสียงดังฟังชัด...เมื่อวานนี้ว่า มีเสียง ส.ว.สนับสนุนมากพอเป็นนายกรัฐมนตรี
แต่ผมฟังน้ำเสียง และ ดูสายตา ก็จับโกหกได้ว่าไม่จริง.... มันทำให้ผมนั่งนึกถึง นิยายเรื่องสามก๊ก ที่เตียวหุย ตะโกนใส่โจโฉ
เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากที่จูล่งหนีข้ามสะพานเตียงปันเข้าค่ายไปหาเล่าปี่แล้ว บุนเพ่งผู้ซึ่งเคยเป็นทหารของเล่าเปียว บัดนี้เข้าด้วยโจโฉยกทหารมาถึงสะพานเตียงปัน
ก็เห็นแต่เตียวหุยยืนม้าเป็นสง่าอยู่ที่เชิงสะพานอีกฟากหนึ่งแต่ผู้เดียว แต่ในป่าด้านข้างนั้นเห็นฝุ่นคลีฟุ้งตลบเป็นบริเวณกว้าง เนื่องจากเตียวหุยได้วางอุบายสั่งให้ทหารนำกิ่งไม้ใส่หางม้าแล้ววิ่งสลับซ้ายขวาให้เกิดฝุ่น เสมือนว่ามีทหารเยอะ
บุนเพ่งไม่กล้ายกทหารรุกไปข้างหน้า เกิดความลังเลคิดจะกลับไปรายงานให้กองทัพหลวงทราบ ครู่หนึ่งโจหยิน ลิเตียน แฮหัวเอี๋ยน งักจิ้น เตียวเลี้ยว เตียวคับ และเคาทู ยกทหารตามมาทัน บุนเพ่งจึงชักม้าเข้าไปปรึกษากับนายทหารเอกทั้งเจ็ดว่าจะดำเนินการประการใด
บรรดานายทหารใหญ่ของกองทัพโจโฉที่มาใหม่ทั้งเจ็ดนายฟังคำบุนเพ่งแล้วหันไปมองที่ป่าด้านข้างเห็นฝุ่นคลีคลุ้งตลบก็เกรงว่าจะเป็นอุบายของขงเบ้ง จึงสั่งม้าเร็วให้ไปรายงานโจโฉ โจโฉฟังรายงานแล้วจึงมาด้วยตัวเอง โจโฉมาพบหน้ากับเตียวหุย เตียวหุยมองหน้าโจโฉและเหล่าทหารเอกของโจโฉและตวาดขึ้นมาว่า
เตียวหุย : "ตัวกูชื่อเตียวหุย ผู้ใดซึ่งมีฝีมือเข้มแข็งจงมาสู้กันให้รู้ดำรู้แดง"
โจโฉได้ยินชื่อเตียวหุยก็ตกใจหวนคิดถึงคำพูดของกวนอู กวนอูเคยสังหารงันเหลียง บุนทิว 2 ทหารเอกผู้เก่งกาจของอ้วนเสี้ยวได้ในพริบตา โจโฉเคยชมเชยกวนอูมาแล้ว แต่กวนอูเคยบอกว่า "ฝีมือข้านั้นเพียงประมาณ น้องเล็กแห่งคำสาบานของสวนท้อที่ชื่อเตียวหุยมีฝีมือล้ำเลิศกว่าใครในแผ่นดิน เตียวหุยสามารถสังหารผู้คนเก่งๆเสมือนหนึ่งหยิบส้มออกจากลังเท่านั้น" ซึ่งเป็นอุบายที่กวนอูเคยขู่กับโจโฉไว้
บัดนี้โจโฉได้มาพบกับเตียวหุยก็ได้สั่งให้ทหารทุกคนห้ามเข้าไกล้เตียวหุยเป็นอันขาด เสียงตวาดของเตียวหุยดังสนั่นประดุจฟ้าถล่มทำให้ทหารผู้นึงของโจโฉถึงกับหน้าซีดตับแตกตายในที่สุด
โจโฉเองเป็นคนขี้ระแวงสงสัยอีกทั้งยังเคยได้ยินชื่อเสียงของขงเบ้งจึงมิกล้าบุกเข้าไปจึงสั่งให้ทหารถอยทัพโดยเร็วเกรงว่าหากอยู่นานอาจจะเสียท่า จึงสั่งถอยทัพในทันที...
พอย้อนกลับมาในยุค นายพิธา ในปัจจุบัน ถ้าเป็นจริงดังที่นายพิธา ว่ามีเสียง ส.ว.สนับสนุนมากพอกว่า 66 เสียงจริง นายพิธา ต้องยอมยกเก้าอี้ประธานสภาให้พรรคเพื่อไทย เพราะเก้าอี้นายกฯ น่าจะมีค่าสำคัญกว่าเก้าอี้ประธานสภาแน่นอน...
แต่ถ้าเป็นกลอุบาย ที่นายพิธาโกหกขึ้นมาว่าจะมีเสียง ส.ว. สนับสนุนเป็นนายกฯ แต่แท้จริงแล้วไม่มีเสียงสนับสนุนมากพอ... นายพิธา และ พรรคก้าวไกล จะยกเหตุผลร้อยแปด มาอ้างว่าต้องยึดเก้าอี้ประธานสภาไว้
ดังนั้นงานนี้เหลี่ยม เจอ เหลี่ยม... วันที่ 30 จะมีโรคเลื่อน ไปเป็นวันที่ 2 อีกหรือไม่อย่างไร ต้องจับตามอง....
ผมบอกเสมอมาตั้งแต่วันแรกแล้วว่า พิธา จะได้เป็นนายกฯ หาใช่ ส.ว. แต่อยู่ที่พรรคเพื่อไทยเท่านั้น
ใครไม่เคยฟังลองย้อนหาฟังดูนะครับ ดังนั้น ผมมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทย และ พรรคก้าวไกล จะจับมือกันตั้งรัฐบาลไม่ได้ มีแต่จับมือเลี้ยงข้าวเท่านั้น ตามแผน กลัวเสือกลืนหมี นั่นเอง