'พิธา' ปัดตอบเสียง ส.ว.หนุนเท่าไหร่ ให้รอดู 13 ก.ค. หวั่นตัวเลขเคลื่อน

'พิธา' ปัดตอบเสียง ส.ว.หนุนเท่าไหร่ ให้รอดู 13 ก.ค. หวั่นตัวเลขเคลื่อน

'พิธา' ปัดตอบมีเสียง ส.ว.หนุนเท่าไร ให้รอดูพร้อมกัน 13 ก.ค. พูดออกไปเดี๋ยวตัวเลขเคลื่อน เชื่อสภาบริหารจัดการรับมือมวลชนได้ น่าเสียดายเลือกตั้งจบ ปชช.ต้องมาลุ้นต่อ ย้ำขอเสียงโหวตหนุนตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก แม้ไม่ใช่ตัวเอง 

เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2566 ที่สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี กกต. อาจจะมีการประชุมเรื่องหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น itv ในวันที 13 ก.ค. ซึ่งอาจเป็นข้ออ้างในการเลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรีออกไป จะรับมือเรื่องนี้อย่างไร ว่า ตนคิดว่าการที่จะมีการเลื่อนการโหวตเลือกผู้นำประเทศในช่วงที่มันเป็นสภาวะวิกฤติแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ประชาชนเสียผลประโยชน์ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการตัดสินใจของประธานสภา และสมาชิกรัฐสภาร่วมกัน ตนก็แค่เป็นหนึ่งใน 750 คนก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่ก็ขอวิงวอนไปยังเพื่อนสมาชิก หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนที่ดูอยู่ว่าการที่จะให้มีการเลื่อนการเลือกนายกรัฐมนตรีต่อไป ก็น่าจะเป็นประเทศชาติที่เสียผลประโยชน์ตรงนี้ ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับตนแต่อย่างใด 

เมื่อถามว่าในส่วนของ ส.ว.ที่พรรคก้าวไกลบอกว่ามีจำนวนเพียงพอแล้ว ส่วนใหญ่เป็น ส.ว.สายพลเรือน หรือสายทหาร นายพิธา กล่าวว่า คงไม่ได้เจาะจงอย่างนั้น เราก็คงไม่ได้ดูว่าพลเรือนหรือทหาร หลักการที่ ส.ว. ยังหนักแน่นในการที่บอกว่า ถ้ารัฐบาลที่รวมเสียงได้เสียงข้างมาก  เช่นเดียวกับ สมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็คิดว่ายังต้องโหวตตามหลักการ และไม่โหวตสวนมติของพี่น้องประชาชน

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ได้มีการทอดไมตรีไปทางฝ่ายทหารหรือไม่ เพราะมีทหารอยู่ใน ส.ว.เกือบ 100 กว่าคน อาจจะงดออกเสียงให้นายพิธาได้ นายพิธา กล่าวว่า ใช้คำว่าทอดไมตรีคงไม่ถูกต้อง คงจะใช้คำว่าปรึกษาหารือ แล้วก็ทำความเข้าใจกัน อย่างที่ได้ปราศรัยไปหลายครั้งซึ่งตนบอกว่าถ้าเราเอาโอกาสของประชาชนเป็นตัวตั้ง เอาหลักการ เอาประชาธิปไตยมาเป็นตัวตั้ง ตนเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อไร เหลือเวลาอีก 1 ปีที่ท่านยังอยู่ในวาระ ตนจะเอาประสบการณ์ของ ส.ว. ที่เป็นอดีตข้าราชการ อดีตปลัดกระทรวง อดีตรัฐมนตรี มารวมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ตนเข้าใจ มันสามารถที่จะใช้แก้ไขปัญหาได้มาก และหวังว่าจะได้มีโอกาสปรึกษาหารือท่านผ่านกลไกรัฐสภา เช่นเดียวกับ พ.ร.บ.อุ้มหายที่สภาล่างและสภาบนเห็นตรงกัน มันยังมีกฎหมายอื่นๆ ที่เราต้องใช้ประสบการณ์ของผู้ที่เคยผ่านความท้าทายมาก่อน จึงหวังว่าจะได้มีโอกาสทำงานร่วมกันในฐานะนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่าในวันที่ 13 ก.ค.ซึ่งจะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้เตรียมแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เตรียมไว้แล้ว  ต่อข้อถามว่าวันที่ 13 ก.ค.มีคนหลายกลุ่มจะมาร่วมติดตามการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่รัฐสภา เป็นห่วงว่าจะมีความวุ่นวายหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ได้มีการเตรียมสถานที่ไว้เป็นอย่างดี รับรองได้เป็นหมื่นๆ คน ทั้งพี่น้องประชาชนที่จะมาลุ้นมันก็น่าเสียดาย เพราะว่าเขาเลือกไปแล้ว ยังต้องมาลุ้นอีก เป็นเรื่องที่จริงๆ แล้ว ควรที่จะสามารถประชุมรัฐสภา  เริ่มผลักดันกฎหมาย และพูดคุยถึงเรื่อง กมธ.งบประมาณกันได้แล้ว  จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ต้องมาลุ้นกันต่อ และเชื่อว่าประธานรัฐสภา และทีมงานจะสามารถบริหารจัดการได้อย่างดี การควบคุมวาระทางสังคมของพี่น้องประชาชนที่รวมตัวกันอย่างสันติเป็นเรื่องปกติของประชาธิปไตยอยู่แล้ว 

เมื่อถามว่าพรรคขั้วอำนาจเดิมมีการประชุมกัน เราได้มีการประเมินไว้หรือไม่ว่าขั้วการเมืองจะส่งใครมาชิงนายกฯ นายพิธา กล่าวว่า ตนไม่ได้ติดตาม แต่ก็ติดตามเพียงในส่วนของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ คนเดียว แต่ที่เหลือก็คงต้องรอการประชุมของทางฝั่งรัฐบาลเดิมว่าจะมีมติออกมาอย่างไร แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่ได้ผิดปกติอะไร

เมื่อถามว่าวันที่ 13 ก.ค.มีการประเมินหรือไม่ว่าจะมีการเสนอชื่อนายพิธาเพียงชื่อเดียวหรือไม่ หรือจะมีชื่ออื่นที่อาจไม่ใช่นายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เป็นไปได้หมด ก็ได้ผิดปกติ ปี 2562 ก็มี 2 ชื่อ ปีนี้ถ้ามีชื่อเดียวก็ไม่ได้ผิดรัฐธรรมนูญอะไร ไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหน ก็ไม่ได้ทำให้การเตรียมการมันแตกต่างออกไป ก็ยังเหมือนเดิมอยู่
เมื่อถามว่าในช่วงที่นายพิธาออกไปพบมวลชน อีกฝั่งหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่านายพิธา อาจใช้มวลชนในการกดดันในวันที่ 13 ก.ค.

นายพิธา กล่าวว่า ได้ตอบเรื่องนี้ไปแล้ว ไม่ได้เป็นการพบปะพี่น้องประชาชนเพื่อให้เขามาปกป้องตน แต่ตนต้องไปปกป้องการตัดสินใจของเขาเมื่อวันที่ 14 พ.ค. และคอยอัพเดทข้อมูล เพื่อให้เขาสบายใจว่าเมื่อเขาออกไปเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.และเลือกออกมาแล้ว 25 ล้านเสียง เป็นรัฐบาลเสียงข้างมา 312 เสียง ไม่ใช่แค่ตนคนเดียวแล้ว เป็นการให้ความมั่นใจกับเขาว่ามติที่เขาได้ให้มาได้รับการปกป้องและมีความพยายามจากฝั่งตนด้วย ไม่ใช่ว่าเมื่อเขาทำงานของเขาเสร็จแล้ว อีกนิดเดียวจะถึงเส้นชัยแล้วตนเฉยเมย รวมถึงความสม่ำเสมอทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง เราก็ต้องไปขอบคุณพี่น้องประชาชน เพื่อฟังความรู้สึกและปัญหาของประชาชนในพื้นที่ด้วย 

เมื่อถามว่าอยากบอกอะไรกับ ส.ว. ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ นายพิธา กล่าวว่า ก็ยังยืนยันในคำเดิมว่าต้องชื่นชมและขอบคุณในความกล้าหาญที่ยืนยันในการโหวตตามมติของประชน เป็นการให้โอกาสประเทศไทยได้เดินหน้า ไม่ได้เป็นเรื่องของพิธา ไม่ได้เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกล แต่เป็นเรื่องของประเทศไทยโดยรวม ถึงแม้ตอนนี้มันไม่ใช่ตนแต่ก็ยังอยากพูดเหมือนเดิมว่าตามหลักประชาธิปไตยนั่นก็คือรัฐบาลเสียงข้างมาก ดังนั้นถ้าท่านลงคะแนนวันที่ 13 ก.ค. นี้ คือท่านไม่ได้ลงให้พิธา แต่ท่านลงคะแนนให้รัฐบาลเสียงข้างมากที่มาจากมติประชาชน 25 ล้านคน และขอให้คำมั่นสัญญาว่าคำว่าประชาธิปไตยไม่ใช่เสียงข้างมากอย่างเดียว แต่คือการให้โอกาสของเสียงข้างน้อยและคนที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงในประเทศนี้ให้สามารถบริหารราชการแผ่นดินให้ลุล่วงไปได้ ท่านยังมีโอกาสมีระบบหรือกลไกที่สามารถตรวจสอบตนได้ ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ผ่านกมธ.งบประมาณ รวมถึงสื่อมวลชนที่เป็นเสาหลักของประชาธิปไตย ในการตรวจสอบรัฐบาล เมื่อถึงเวลาตนทำไม่ได้จริง ประชาชนสามารถปลดตนออกได้ 

“ถ้าผมเอาคำว่าผมออกแล้วเอาคนอื่นใส่ แล้วให้ระบบมันเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ผมคิดว่าประเทศมันจะเดินหน้าและเป็นทางรอดของประเทศได้ ก็คงจะเรียนไปถึง ส.ว.ตามนี้” นายพิธา กล่าว 

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะได้เสียง ส.ว.สนับสนุนครบก่อนโหวตนายกรัฐมนตรี นายพิธา กล่าวว่า  “ครับ ยังมั่นใจอยู่ครับ” เมื่อถามต่อว่าวันนี้มี ส.ว.จำนวนชัดเจนเท่าไร นายพิธา กล่าวว่า จำนวนเดี๋ยวต้องรอไปดูกัน เพราะว่า ถ้าเราพูดออกไมค์ตอนนี้ มันอาจจะมีการกระเพื่อม  มีการกระทบต่อการตัดสินใจ ในอีก 1-2 วันนี้ เพราะฉะนั้นอีกแค่ 2 วันก็ดูด้วยกัน พร้อมกันเลยดีกว่า 
////