"วิโรจน์" ย้ำจุดยืนก้าวไกล ไม่ยอมเสียสัจจะ ชี้แก้ม.112 ต้องทำอย่างประณีต
"วิโรจน์" ย้ำจุดยืนก้าวไกล ไม่ยอมเสียสัจจะ เพื่อเข้าสู้อำนาจ ชี้แก้ปมม.112 ต้องทำอย่างประณีต-รอบคอบ ภายใต้กติกาของระบบรัฐสภา
หลังนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายก พรรคก้าวไกลไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา โดยเฉพาะเงื่อนไขการแก้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ถูกหยิบยกมาเป็นเงื่อนไข
ล่าสุด นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความพร้อมภาพบนทวิตเตอร์ ระบุว่า
ในการแก้ไข ม.112 ต้องเป็นไปด้วยความประณีต รอบคอบ และรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายรอบด้าน ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาตามสมควร จะแก้ไขได้หรือไม่ แก้ไขได้เพียงใด เราก็พร้อมน้อมรับภายใต้กติกาของระบบรัฐสภา
จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลว่า จะมีการดึงดัน หรือดำเนินการอย่างหุนหันพลันแล่น แต่อย่างใด
หากเรามุ่งแต่จะเข้าสู่อำนาจ ยอมเสียสัจจะ ยอมผิดคำพูดต่อประชาชน ตามเงื่อนไขที่ 1 เงื่อนไขที่ 2 เงื่อนไขที่ 3 และเงื่อนไขต่อๆ ไป ก็จะถูกหยิบยกขึ้นมา เพื่อบีบให้เราทิ้งคำมั่นที่มีต่อประชาชนไปเรื่อยๆ
ในท้ายที่สุด นอกจากจะไม่ได้อำนาจใดๆ แล้ว ประชาชนผู้เป็นเจ้านาย ที่เคยเดินเคียงข้างสนับสนุน ก็จะอันตรธานหายไป แถมยังอาจจะรุมประณามสาปแช่งเราอีกด้วย
นายวิโรจน์ ยังระบุว่า สำหรับการแก้ไข ม.112 ที่หลายท่านมีความกังวล ตนยืนยันว่า การดำเนินการในเรื่องนี้จะต้องเป็นไปด้วยความประณีต รอบคอบ และรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายรอบด้าน และถ้าหากจำเป็นต้องเพิ่มเติมกระบวนการใดๆ และต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้น ตามกลไกของระบบรัฐสภา เพื่อให้เกิดความสบายใจ และความเข้าอกเข้าใจกันของทุกฝ่าย ก็เป็นเรื่องที่สามารถพิจารณาได้ ซึ่งทั้งหมดนี้จำเป็นต้องใช้เวลา
และจะแก้ไขได้หรือไม่ แก้ไขได้เพียงใด เราก็พร้อมน้อมรับภายใต้กติกาของระบบรัฐสภา จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล ว่าจะมีการดึงดัน หรือดำเนินการอย่างหุนหันพลันแล่น แต่อย่างใด
วิโรจน์ ระบุต่อไปว่า จริงๆ แล้วเรามีนโยบายสำคัญอีกมากมาย ที่ต้องการเร่งขับเคลื่อน เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์จากระบบเศรษฐกิจ และทรัพยากรของประเทศโดยเสมอภาคกัน
อาทิ การแก้ไขปัญหาสัมปทานพลังงานเพื่อให้คนไทยได้ใช้ไหฟ้าในราคาที่เป็นธรรม น้ำประปาดื่มได้ การกระจายอำนาจกระจายการลงทุนในท้องถิ่น การกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม การส่งเสริม SMEs การส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต การกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นในการลงทุนในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ
การอุดหนุนเรื่องปุ๋ยซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญ การส่งเสริมวิสาหกิจการเกษตร การแก้ปัญหาหนี้เกษตรกร และหนี้ครัวเรือน การเพิ่มงบอุดหนุนทางการศึกษาเพื่อไม่ให้เด็กหลุดออกนอกระบบการศึกษา
การปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำให้สอดรับกับค่าครองชีพในปัจจุบัน สุราก้าวหน้า การป้องกันการผูกขาดทางการค้า สมรสเท่าเทียม การยกเลิกการเกณฑ์ทหาร การปฏิรูปตำรวจ การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ฯลฯ
นโยบายเหล่านี้ ล้วนเป็นนโยบายที่กระทบกับผลประโยชน์ของนายทุนศักดินา และนายทุนในระบบอุปถัมภ์ของอำนาจเผด็จการทั้งสิ้น นี่ต่างหากที่เป็นเหตุผลที่แท้จริงในการขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล
การแก้ไข ม.112 เป็นหนึ่งใน 300 นโยบาย ที่เราต้องขับเคลื่อน แต่การขับเคลื่อนก็ต้องเป็นไปกาลเทศะที่ควรจะเป็น ไม่ได้เป็นเรื่องที่ต้องเร่งทำอย่างมุทะลุแต่อย่างใด อาจจะเป็นนโยบายที่ดำเนินการหลังนโยบายอื่นๆ ด้วยซ้ำ เพราะต้องวางแผนดำเนินการอย่างรอบคอบ และประณีตที่สุด
"การที่การแก้ไข ม.112 ถูกหยิบยกขึ้นมาโจมตี ให้ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่าพรรคก้าวไกลคิดแต่จะแก้ ม.112 อย่างรีบเร่ง และคิดแต่จะแก้ ม.112 อย่างเดียว จึงเป็นความดิ้นรนของกลุ่มทุนศักดินาในเครือข่ายอุปถัมภ์ ที่พยายามจะหยิบยกเรื่องนี้ ขึ้นมาใส่ร้าย
เพื่อขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล เพื่อปกป้องระบอบอภิสิทธิ์ชน เพื่อให้พวกของตน สามารถที่จะเอารัดเอาเปรียบประชาชน และกินรวบผูกขาดทรัพยากรของประเทศนี้ได้ต่อไป ก็เท่านั้นเอง" วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ระบุ