เรืองไกร ขู่ ส.ส.-ส.ว.ฝืนโหวต พิธา ร้อง ป.ป.ช. ลั่นตรวจสอบแคนดิเดตนายกฯทุกคน
"เรืองไกร" โผล่สภา หลัง ศาลรธน.สั่ง พิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ อวดผลงานตัวเอง ขู่ ส.ส.-ส.ว.ฝืนโหวต ส่งชื่อ ป.ป.ช. เดินหน้าตรวจสอบคุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯทุกคน
19 ก.ค.ที่รัฐสภา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้ยื่นตรวจสอบคุณสมบัตินายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กรณีถือหุ้น itv ระบุว่า ในวันนี้มาติดตามการประชุมรัฐสภา ทั้งนี้ไม่แปลกใจที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากเป็นไปตามมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ที่สามารถให้ผู้ถูกร้องหยุดหรือไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ เช่นกรณีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ที่ศาลให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายนิพนธ์ บุญญามณี ศาลไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
ส่วนกรณีของนายพิธา ได้ยืนยันข้อเท็จจริงเรื่องการถือหุ้นของนายพิธามาตลอด แม้ก่อนหน้านี้ กกต.ตีตกคำร้องไปแล้วในฐานะผู้สมัคร สส. แต่เมื่อกกต.ประกาศรับรอง ส.ส.ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 จึงได้ยื่นคำร้องให้พ้นสมาชิกกับภาพ และ กกต.ก็มีมติ ตามคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการของศาล
ซึ่งศาลก็ดำเนินการไปตามพ.ร.บประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเมื่อกกต. เห็นตามมาตรา 82 วรรค 4 ศาลจึงต้องรับ และมีคำสั่งตามดุลพินิจของศาลที่เห็นข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับคณะกรรมการตรวจสอบของ กกต.
ทั้งนี้ ยังไม่ทราบว่าศาลจะให้นายพิธาไปชี้แจงเมื่อไหร่ โดยปกติศาลจะเรียกไปชี้แจงข้อกล่าวหาครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 เพราะจะเขียนอยู่ในคำวินิจฉัยเพื่อประโยชน์แห่งความเป็นธรรม ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยมีเหตุการณ์ลักษณะนี้มาแล้ว และเมื่อศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายพิธาก็ต้องเดินออกจากห้องประชุมสภาในวันนี้ อยู่ต่อไม่ได้
ดังนั้นกระบวนการที่กำลังพิจารณาในสภาอยู่ กรณีที่นายสุทิน คลังแสง เสนอชื่อนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีรอบที่ 2 จะอ้างว่าไม่เกี่ยวกับกระบวนของศาลในกรณีนี้ไม่ได้ ทั้งนี้ขอเตือนด้วยความหวังดีและฝากไปยังสมาชิกรัฐสภา ที่จะร่วมโหวตโดยจะต้องแสดงตนนั้น จะส่งชื่อทั้งหมดไปยัง ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบ
หากมีการโหวตวันนี้ถือว่าเสี่ยงขัดต่อกฎหมายมาตรา 234 ซึ่งเป็นอำนาจของ ป.ป.ช. ที่จะมีการตรวจสอบผู้ดำดำรงตำแหน่งทางการเมือง จงใจทุจริตต่อหน้าที่- ใช้อำนาจขัดต่อกฎหมายหรือบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ หรือฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
พร้อมกันนี้ยังฝากนายพิธา และพรรคก้าวไกล ควรเตรียมไปชี้แจงข้อกล่าวหากับศาลธรรมนูญ ทั้งนี้ยังย้ำว่า แม้จะมีการเสนอชื่อบุคคลอื่นเป็นนายกรัฐมนตรีก็จะเดินหน้าตรวจสอบคุณสมบัติด้วยเช่นกัน หากจะมีการเสนอชื่อนายกฯ ในวันนี้ก็น่าจะเป็นการเสนอชื่อแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยที่มีถึง 3 คน
ส่วนนายพิธา ก็ควรจะรับผิดชอบ และไปต่อสู้คดี ไม่ใช่มาแถลงว่าขอโอกาสอีกครั้ง เพราะการจะเป็นผู้นำประเทศต้องยอมรับ และมีวุฒิภาวะ ซึ่งยังมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองอื่น ที่สามารถนำไปสู่การเสนอชื่อในสภาได้เช่นกัน ทั้งนี้หากจะเสนอชื่อนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีก็อาจต้องรอสมัยการประชุมหน้า และจะต้องแก้ข้อกล่าวหาให้ชัดเจนก่อน
แต่ขอเตือนด้วยว่า นอกจากเรื่องหุ้นสื่อ ยังได้มีการยื่นกรณีนายพิทาเขียนหนังสือวิถีก้าวไกล ที่รอดูขั้นตอน ของกกต.พิจารณาเรื่องนี้เช่นกัน และยอมรับว่า เรื่องนี้เป็นผลงานของตนเอง อย่าไปมองว่าเป็นการปลุกผีไอทีวี หรือเรื่องกลุ่มทุนผูกขาด และต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง เพราะเคยเตือนมาหลายครั้งแล้ว อย่าไปปลุกอารมณ์ความรู้สึกเพื่อสู้คดี เพราะเท่ากับปิดประตูแพ้