"ส.ว." ตะเพิด "พท." ไม่ต้องเปิดดีลโหวตนายกฯ
"เสรี"ตะเพิด "พท." อย่าสร้างปัญหา - เปิดดีลส.ว. โหวตนายกฯ ด้าน ส.ว.ฝั่งค้าน "พิธา" ยืนยันรัฐบาลไม่มีก้าวไกล -อนุสิษฐ์ เชียร์ พท. ตั้งรัฐบาลเพื่อประโยชน์ปชช.-ประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวของ ส.ว. ในฝั่งของกลุ่มที่คัดค้านการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ ถึงทิศทางการจัดตั้งรัฐบาล ที่เปลี่ยนมือเป็น พรรคเพื่อไทย
ล่าสุดนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเตรียมส่งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เจรจากับส.ว.นั้น ตนมองว่าไม่จำเป็นและไม่ต้องมา เนื่องอาจจะเกิดปัญหาเนื่องจากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญส.ว.ต้องไม่ตกอยู่ในอาณัติของพรรคการเมืองใด ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาไม่ต้องมา อีกทั้งส.ว. มีจุดยืนชัดเจนแล้วว่า หากมีพรรคการเมืองใด พี่จะแก้รัฐธรรมนูญในหมวดที่ 1 และหมวดที่ 2 หรือแก้ไขกฎหมายใดที่จะไปกระทบต่อสถาบันหลักของชาติ ส.ว. ไม่สนับสนุน
"หากพรรคเพื่อไทย รวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลให้เพียงพอ และมีนโยบายที่ไม่กระทบต่อสถาบันหลักของชาติ เชื่อว่าส.ว.พร้อมสนับสนุน ส่วนที่มีข้อเสนอให้เลื่อนการโหวตนายกฯ รอบ3 วันที่27 กรกฏาคมนี้ ออกไป ผมมองว่าส.ว.ไม่ขัดข้อง แต่ขอให้พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลไปพูดคุยตกลงกันให้ได้ข้อสรุปก่อน" นายเสรี กล่าว
ขณะที่ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ให้สัมภาษณ์ประเด็นเดียวกัน ว่า ตนชัดเจนว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวหรือก้าวก่ายการจัดตั้งรัฐบาล แต่จะไม่โหวต ไม่สนับสนุนให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ อย่างไรก็ดีหากพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกล เรื่องดังกล่าวส.ว.ไม่เกี่ยว ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยส่งนายสุริยะเจรจากับส.ว.นั้น คงไม่มาพบตนเพราะเป็นเป็นเด็ก คงมีผู้ใหญ่ที่ไปคุย
นายอนุสิษฐ คุณากร ส.ว. ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดตั้งรัฐบาลด้วยว่า ขณะนี้เป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยว่าจะตัดสินใจจัดตั้งรัฐบาลรูปแบบไหน จะรวมหรือไม่รวมก้าวไกล ซึ่งพรรคเพื่อไทย คงพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปด้วยดี และเพื่อเป็นทางออกที่ดีพอสมควร ส่วนที่มีข้อเสนอให้เลื่อนโหวตนายกฯ วันที่ 27 กรกฏาคมนั้น ตนมองว่าส.ว.ไม่มีหน้าที่เสนอ เป็นหน้าที่ของประธานรัฐสภาและพรรคการเมืองที่จัดตั้งรัฐบาลต้องพูดคุย
เมื่อถามถึงผลการเจรจาตั้งรัฐบาลกับพรรคฝั่งขั้วรัฐบาลเดิมที่ไม่ต้องการให้มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล อาจเป็นเหตุให้เกิดการชุมนุมหรือไม่ นายอนุสิษฐ์ กล่าวว่า ตนกังวลเพราะการเคลื่อนไหวของมวลชนคือลูกหลานและเพื่อนร่วมชาติของเรา ตอนนี้ขอเพียงว่าอยากให้บ้านเมืองเกิดวิกฤติ สังคมเกิดความไม่สงบ เพราะคนที่รับผิดชอบคือผู้ใหญ่ ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่การเอาชนะเพื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลเท่านั้น เพราะบางยุคสมัยมีฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง ซึ่งที่ผ่านมาตนก็มองว่าพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง และส.ส. ของพรรคก้าวไกลมีคุณภาพสูงเป็นคนรุ่นใหม่ ประชาชนได้ประโยชน์ แต่อย่าหลงลืม ละเลย การสร้างชาติ
เมื่อถามว่าส.ว.จะหารือร่วมกันก่อนโหวตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุสิษฐกล่าวว่า ที่ผ่านมาส.ว.มีความเห็นตรงกันหลายเรื่อง เช่น เรื่องมาตรา 112, เรื่องการปกครองตนเองในสามจังหวัดใช้แดนภาคใต้ , และกฏหมายอาญาระหว่างประเทศที่ต้องมีการเข้ารวม ซึ่งประชาชนบางส่วนยังไม่เข้าใจ ดังนั้นต้องอธิบายผลได้ผลเสียที่ประชาชนจะได้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลประโยชน์ของประเทศชาติว่าจะส่งผลกระทบอย่างไร.