“นายใหญ่”ตั้งฐานเกาะฮ่องกง รอสัญญาณพิเศษ ‘วีวีไอพี’
“นายใหญ่” มาบัญชาการที่เกาะฮ่องกง โดยมีกระแสข่าวว่าพร้อมเดินทางเข้าประเทศไทยทันที หากการเจรจาบนโต๊ะกับ “ขั้วอำนาจเก่า” สามารถตกลงกันได้ทั้งหมด โดยมีเงื่อนไขการโหวตเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเป็นเดิมพัน
จู่ๆ พรรคเพื่อไทย แจ้งยกเลิกการประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยให้เหตุผลว่า การพูดคุยเพื่อหาเสียงจาก สส.และ สว.ในฝั่งขั้วตรงข้าม เพื่อเติมให้เกิน 376 เสียง จากเสียงต้นทุนเดิมของที่มีอยู่ 312 เสียง ยังไม่มีความคืบหน้า
โดยก่อนหน้านี้ “หมอชลน่าน” ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันจะต้องจัดประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เพื่อแจ้งผลการหารือ 5 พรรคการเมือง ขั้ว 188 และ สว. ว่ามีทางออกในการจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร และมีเงื่อนไขใดบ้าง ที่จะโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของขั้ว 312 เสียง
แม้แต่ต้องรายงานสรุปบนโต๊ะ ก็เป็นที่รับรู้ทางหน้าสื่อแล้วว่า เหตุผลหลักของ 5 พรรคการเมือง และ สว. คือเงื่อนไขไม่แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และไม่ร่วมงานกับพรรคก้าวไกล ดังนั้น จึงคาดการณ์กันว่า ที่ประชุมอาจจะต้องมีข้อสรุป หรือมีมติว่า จะจับมือกันต่อไป หรือถึงเวลาที่ต้องสลายขั้ว 8 พรรค เพื่อแยกทางกันเดิน แต่ปรากฎว่า เพื่อไทยยกเลิกนัดหมายประชุมอย่างกระทันหัน
ทว่า การรีเซ็ตเกมใหม่ของพรรคเพื่อไทย ถูกขยายผลไปยังการเลื่อนโหวตเก้าอี้นายกรัฐมนตรี จากเดิมที่ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา นัดหมายไว้วันที่ 27 ก.ค.
แม้จะให้เหตุผลว่า เพื่อต้องการลดความขัดแย้งกรณีผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งคำร้องให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัยปมบังคับการประชุมรัฐสภาข้อที่ 41 ซึ่งทำให้ชื่อของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดนโหวตแพ้คาที่ประชุมรัฐสภามาแล้ว จึงไม่สามารถนำชื่อมาโหวตซ้ำได้อีก แต่ในทางปฏิบัติอำนาจ 3 เสาหลักแยกขาดกันอยู่แล้ว ไม่สามารถก้าวก่ายกันได้
เกมเลื่อนการโหวตนายกรัฐมนตรี จึงถูกมองว่ามี “บิ๊กเนม” เข้ามาคอยคุมเกม กำกับการแสดง เพราะจังหวะเวลายังไม่เป็นใจให้พรรคเพื่อไทย
อุปสรรคสำคัญอยู่ที่สถานะของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลยังคงอยู่ เนื่องจากพรรคก้าวไกล ขอกอดคอกับพรรคเพื่อไทยไม่ยอมถอยออกไปเอง แม้จะมีความพยายามโดดเดี่ยวพรรคก้าวไกล โดยผูกปมเงื่อนกับการแก้ไข ม.112 แต่คีย์แมนพรรคก้าวไกลประกาศกลยุทธ์ “หน้าด้าน” เพื่อผูกขาพรรคเพื่อไทยเอาไว้
ขณะเดียวกันภายใน 8 พรรค ยังมีพรรคไทยสร้างไทย พรรคเป็นธรรม คอยให้การสนับสนุนพรรคก้าวไกล เพราะหากสมการจัดตั้งรัฐบาลไม่มีพรรคก้าวไกล ทั้งพรรคไทยสร้างไทย และพรรคเป็นธรรม จะตกขบวนทันที
นาทีนี้ หลายฝ่ายทั้งวงใน วงนอก ฟันธงว่า 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ขั้ว 312 ได้ปิดฉากลงอย่างไม่เป็นทางการแล้ว เมื่อทั้ง ก้าวไกล และเพื่อไทย กลายเป็นเดดล็อกของอีกฝ่าย เหลือเพียงแค่ฉากสุดท้าย จะจากกันด้วยดี หรือร้ายเท่านั้น
เวลานี้ โจทย์ยากจึงไปตกอยู่ที่เพื่อไทย ว่าจะใช้วิธีการสลัดพรรคก้าวไกลทิ้งให้ได้ ต้องติดตามว่าทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยวางเกมเอาไว้อย่างไร เพื่อปฏิบัติการให้แนบเนียนมากที่สุด และพอมีความชอบธรรมหลงเหลืออยู่บ้าง เพื่อไม่ให้เสียแต้มทางการเมือง
นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าว “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร พร้อมด้วย "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี มาตั้งวอร์รูมบัญชาการเกมจัดตั้งรัฐบาลที่เกาะฮ่องกง พร้อมกดปุ่มให้เลื่อนการโหวตนายกรัฐมนตรีออกไปก่อน เพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมืองให้รอบคอบมากที่สุด ไม่ต้องการให้เกมไปเข้าทาง “มือมืด” ที่อาจจะรอส้มหล่น
ว่ากันว่า “ขั้ว 5 พรรค” ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคชาติพัฒนากล้า มีความพร้อมที่จะเข้าร่วมรัฐบาล แต่ปฏิบัติการหลังฉากของ “บิ๊กเนม” ที่ยื่นข้อเสนอให้กับ “นายใหญ่” ยังไม่เบ็ดเสร็จร้อยเปอร์เซ็นต์
ทำให้ “นายใหญ่” และ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ยังกล้าๆ กลัวๆ หากต้องเดินเข้าสู่เกมโหวตในที่ประชุมรัฐสภา แล้วมีใครบางคนคิดเปลี่ยนเกมกลางคัน เพราะมี “บางพรรค” ยังหวังเข็น “ลุง” เข้ามานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอยู่
อีกทั้ง “ทีมบ้านป่ารอยต่อ” ยังเสนอสูตรต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีไว้สูงลิบ หมายปองเก้าอี้ รมว.มหาดไทย และหวังจะส่งคนเข้าไปดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้ข้อต่อรองบนโต๊ะเจรจายังเคาะกันไม่จบ
เวลานี้ “นายใหญ่” จึงต้องการคำยืนยันจากใครบางคนที่พอจะเชื่อถือได้ และทรงพลังมากพอให้ขับเคลื่อนเกม “เพื่อไทย” จับมือกับ “ขั้วอำนาจเก่า” เพราะมีราคาค่างวดที่ต้องจ่ายสูงมาก เดิมพันความอยู่รอดของพรรคเพื่อไทย ในสมรภูมิเลือกตั้งครั้งหน้า
ดังนั้น เมื่อ “นายใหญ่” มาบัญชาการที่เกาะฮ่องกง โดยมีกระแสข่าวว่าพร้อมเดินทางเข้าประเทศไทยทันที หากการเจรจาบนโต๊ะกับ “ขั้วอำนาจเก่า” สามารถตกลงกันได้ทั้งหมด โดยมีเงื่อนไขการโหวตเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเป็นเดิมพัน