ศาลอาญารับคดี "ชูวิทย์" ฟ้อง "ทนายตั้ม" หมิ่นประมาท ถุงเงิน 6 ล้าน
ศาลอาญารับคดี "ชูวิทย์" ฟ้อง "ทนายตั้ม" หมิ่นประมาท กรณีถุงเงิน 6 ล้าน นัดตรวจหลักฐาน 25 ก.ย.นี้ เจ้าตัวดีใจได้เป็นโจทก์ หลังเป็นจำเลยมาตลอดชีวิต ไม่หวั่นถูกเศรษฐาฟ้องเรียก 500 ล้าน อ้างตกหลุมที่ขุดไว้แล้ว
7 ส.ค. 2566 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์คดีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ฟ้อง นายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม จากกรณีที่ นายษิทรา ได้แถลงข่าว และให้สัมภาษณ์สื่อ ในลักษณะที่กล่าวหาว่า นายชูวิทย์ได้เรียกรับเงินจากเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ เป็นเงิน 10 ล้านบาท ไม่ใช่ 6 ล้านบาท และมีการโพสต์เฟชบุ๊ก
ภายหลัง นายชูวิทย์ กล่าวว่า ศาลได้รับฟ้องเป็นคดีแล้ว ซึ่งถือเป็นคดีที่สองที่ตนได้เป็นโจทก์ เนื่องจากที่ผ่านมาตนมักจะถูกฟ้องตกเป็นจำเลย จึงได้บอกว่าสักครั้งหนึ่งได้เป็นโจทก์ก็จะเป็นโจทก์ที่ดี
ด้านนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เปิดเผยว่า ศาลรับฟ้องกรณีดังกล่าวแล้วเนื่องจากมีมูลที่น่าจะทำให้โจทก์ถูกดูหมิ่น ชื่อเสียง เกลียดชัง จากพฤติการณ์ของจำเลย ที่โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กที่สาธารณชนเข้าไปดูได้และจำเลยได้กล่าวหาใน 3 ประเด็น คือ
ประเด็นแรก กล่าวหาว่านายชูวิทย์รับเงินจากเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ จำนวน 10 ล้าน แต่ความจริงรับมาเพียง 6 ล้านบาท และได้มีการเอาไปทำบุญตามที่เป็นข่าว
ประเด็นที่ 2 กล่าวหาว่านายชูวิทย์เป็นโรบินฮู้ด ปล้นคนรวยไปช่วยเหลือคนจน และ
ประเด็นสุดท้ายที่กล่าวหาว่า ลูกชายของนายชูวิทย์รับเงินจำนวน 50 ล้านบาท ที่เป็นเงินสกุลดิจิตอลมาจากเว็บพนันออนไลน์
ศาลได้ประทับรับฟ้องและนัดตรวจหลักฐานและสืบพยานในวันที่ 25 ก.ย. เวลา 13.00 น.
นอกจากนี้นายชูวิทย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่ถูกนายเศรษฐา ฟ้องหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 500 ล้านบาท ยืนยันว่า เมื่อนายเศรษฐา เสนอชื่อมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะ ซึ่งสามารถถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ อีกทั้งการกระทำของนายเศรษฐาหมิ่นมาก เพราะการวางแผนภาษี กลับการวางแผนโกงมีความแตกต่างกัน มีการซ่อนเร้นอำพราง
ส่วนที่นายวิญญัติ ทนายความได้ให้สัมภาษณ์ว่านายชูวิทย์ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนในประเด็นดังกล่าวไม่ครบถ้วนนั้น นายชูวิทย์บอกว่าเป็นแผน ของตนเองที่ขุดหลุมพรางไว้และค่อยเอาหลักฐานมาชี้ในภายหลัง เพราะตามสไตล์ของตนเองจะพูดไม่หมดอยู่แล้ว