พล.อ.ประยุทธ์ บอก แล้วแต่ รทสช. ร่วมรัฐบาล พท. ขอให้ร่วมมือพาบ้านเมืองไปต่อ
“พล.อ.ประยุทธ์” บอกแล้วแต่ รทสช. ร่วมรัฐบาลเพื่อไทย ขอทุกฝ่ายร่วมมือให้บ้านเมืองไปต่อ ด้าน "อนุทิน" ระบุออกไปก่อน ม็อบทะลุวังบุกก่อกวนพรรคเพื่อไทย
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 8 ส.ค. 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ทั้งนี้ก่อนการประชุม นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะผู้บริหารสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เข้าพบนายกฯ เพื่อรายงานผลการดำเนินงานโครงการโคล้านครอบครัว และกิจกรรมการกระตุ้นและพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
โดยนายกฯ ได้สวมเสื้อผ้ามูลมงคล ซึ่งเป็นผ้าที่ย้อมด้วยมูลวัวและได้สะพายย่ามผ้ามูลวัวโชว์สื่อพร้อมกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า อุดหนุนซื้อกันบ้างหรือเปล่า ขอให้อุดหนุนกันด้วย เป็นผ้าที่ทำมาจากมูลวัว ซึ่งโครงการดังกล่าวใช้ทุกส่วนของวัวถือเป็นการเพิ่มมูลค่านอกเนื่องนำไปทำเป็นอาหาร ปัจจุบันการเลี้ยงโคเราก็ทัดเทียมกับต่างประเทศ ซึ่งต้องเร่งผลผลิตออกมาให้มากขึ้น ที่ปัจจุบันมีไม่พอจำหน่าย และขอให้เกษตรกรและผู้ที่เกี่ยวข้องไปปรับปรุงทุกๆด้านเพื่อให้ทุกคนจะเข้าถึง ซึ่งโครงการนี้จะสามารถแก้ปัญหาความยากจนทำให้เกษตรกรมีรายได้และครอบครัวพ้นปัญหาความยากจนทุกอย่างต้องร่วมมือทั้งตัวเองและรัฐ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯ ได้ทักสื่ออย่างอารมณ์ดีว่า มีหลายคนไปอยู่เวทีในทางการเมือง ขอให้ช่วยกันดูแลบ้านเมือง เพราะบ้านเมืองจะต้องไปต่อ ช่วยกันทำให้บ้านเมืองเดินหน้า
จากนั้นนายกฯ ได้เข้าห้องสีเหลืองแล้วเปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าไทยสีฟ้า เพื่อร่วมกิจกรรมประชาสัมพันธ์การจัดงาน OTOP ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี
โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะไปร่วมรัฐบาลหรือไม่พล.อ.ประยุทธ์ ยิ้มหวานให้สื่อพร้อมกล่าวว่า แล้วแต่ๆ
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตอบคำถามสื่อเพียงสั้นๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หลังกลุ่มทะลุวังบุกเข้าไปก่อกวนถึงที่พรรคเพื่อไทยว่า “ออกมาก่อน”
ด้านสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และสส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลว่า คงไม่นาน ส่วนพรรครทสช.จะไปร่วมหรือไม่ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค
ทั้งนี้ในการประชุมครม.ไม่มีรัฐมนตรีลาประชุม สำหรับวาระการประชุมนั้น แบ่งเป็นเพื่อทราบ 2 เรื่อง เพื่อทราบไม่ทักท้วง 15 เรื่อง และวาระพิจารณา 7 เรื่อง